เคยไหมครับ? อยากไปเที่ยวต่างประเทศแบบปุบปับ หรือบางทีก็ลืมไปว่าต้องทำวีซ่าล่วงหน้า! ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะมีสิ่งที่เรียกว่า “Visa on Arrival” หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “VOA” เจ้านี่แหละครับที่จะมาช่วยชีวิตนักเดินทางสายฟ้าแลบอย่างเรา
ความหมายและหลักการทำงานของ Visa on Arrival
ง่ายๆ เลยครับ Visa on Arrival ก็คือระบบการขอวีซ่าที่เราสามารถไปยื่นเรื่องและรับวีซ่าได้ทันทีเมื่อเดินทางถึงสนามบินหรือด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศที่เราจะไป ไม่ต้องเสียเวลาไปสถานทูตก่อน ไม่ต้องรอผลอนุมัติให้ใจตุ้มๆ ต่อมๆ เหมาะสุดๆ สำหรับใครที่ตัดสินใจเดินทางแบบกะทันหัน หรือบางทีก็มีเหตุให้ต้องเดินทางเร่งด่วนจริงๆ
หลักการทำงานของมันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรครับ เมื่อเราไปถึงจุดตรวจคนเข้าเมืองของประเทศนั้นๆ ก็จะมีเคาน์เตอร์สำหรับยื่นขอ VOA เราก็แค่แสดงเอกสารที่เตรียมมาให้เจ้าหน้าที่ ตรวจสอบข้อมูล จ่ายค่าธรรมเนียม (ถ้ามี) แล้วก็รอรับตราประทับวีซ่าในพาสปอร์ตของเรา เป็นอันเสร็จพิธี ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากเลยใช่ไหมล่ะครับ?
ข้อดีและข้อจำกัดของ Visa on Arrival
แน่นอนครับว่าอะไรๆ ก็มีสองด้านเสมอ VOA ก็เหมือนกัน มีทั้งข้อดีที่ทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น และข้อจำกัดที่เราต้องทำความเข้าใจ
ข้อดี:
- สะดวกและรวดเร็ว: ไม่ต้องเสียเวลาและขั้นตอนในการยื่นวีซ่าล่วงหน้า
- เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางเร่งด่วน: ตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการเดินทางแบบฉุกเฉิน
- ลดความยุ่งยาก: ไม่ต้องเตรียมเอกสารมากมายเท่าการขอวีซ่าแบบปกติ
ข้อจำกัด:
- มีให้บริการเฉพาะบางประเทศ: ไม่ใช่ทุกประเทศที่จะมีระบบ VOA
- เงื่อนไขและเอกสารแตกต่างกันไป: แต่ละประเทศมีข้อกำหนดที่ไม่เหมือนกัน ต้องตรวจสอบให้ดี
- ระยะเวลาพำนักอาจจำกัด: บางประเทศอนุญาตให้พำนักได้ในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น
- อาจมีค่าธรรมเนียมที่สูงกว่า: บางครั้งค่าธรรมเนียม VOA อาจแพงกว่าการขอวีซ่าล่วงหน้า
- ความไม่แน่นอน: การอนุมัติ VOA ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง
เปิดโลก! ประเทศไหนบ้างที่เปิดโอกาสให้ขอ Visa on Arrival?
อยากรู้ใช่ไหมครับว่ามีประเทศไหนบ้างที่ใจดี เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ สามารถไปขอ Visa on Arrival ได้? ขอบอกเลยว่ามีหลายประเทศเลยทีเดียวครับ แต่ละภูมิภาคก็มีประเทศที่น่าสนใจทั้งนั้น ลองมาดูกันครับ
กลุ่มประเทศในเอเชียที่ให้บริการ VOA
เอเชียบ้านเรานี่แหละครับ มีหลายประเทศเลยที่อำนวยความสะดวกเรื่อง VOA ให้นักท่องเที่ยว
ตัวอย่างประเทศ: ไทย, อินเดีย, มัลดีฟส์, กัมพูชา
- ไทย: ประเทศของเราก็มี VOA นะครับ แต่สำหรับนักท่องเที่ยวบางประเทศเท่านั้นเอง
- อินเดีย: ดินแดนภารตะก็มี VOA ให้บริการนักท่องเที่ยวจากหลายชาติครับ
- มัลดีฟส์: เกาะสวรรค์แห่งนี้ก็มี VOA ให้เราไปพักผ่อนแบบไม่ต้องคิดมากเรื่องวีซ่าล่วงหน้า
- กัมพูชา: เพื่อนบ้านของเราก็มี VOA ให้ข้ามไปเที่ยวชมอังกอร์วัดได้ง่ายๆ
นอกจากนี้ก็ยังมีประเทศอื่นๆ ในเอเชียอีกนะครับ เช่น ศรีลังกา เนปาล ลาว เมียนมา อินโดนีเซีย (เฉพาะบางกรณี) และเวียดนาม (เฉพาะบางกรณี)
กลุ่มประเทศในยุโรปที่ให้บริการ VOA
ฝั่งยุโรปก็มีบางประเทศที่เปิดโอกาสให้ขอ VOA เช่นกันครับ
ตัวอย่างประเทศ: ตุรกี, ยูเครน
- ตุรกี: ประเทศสองทวีปที่มีเสน่ห์แห่งนี้ก็มี VOA ให้นักท่องเที่ยวหลายชาติได้ไปสัมผัสวัฒนธรรมที่หลากหลาย
- ยูเครน: แม้จะมีสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง แต่ในบางช่วงเวลาก็มีการอนุญาต VOA สำหรับบางประเทศครับ (ต้องตรวจสอบข้อมูลล่าสุด)
นอกจากนี้ก็ยังมี อาร์เมเนีย ที่ให้บริการ VOA ด้วยครับ
กลุ่มประเทศในแอฟริกาและอเมริกาใต้ที่ให้บริการ VOA
ข้ามทวีปไปฝั่งแอฟริกาและอเมริกาใต้ก็มีประเทศที่น่าสนใจที่มีระบบ VOA เช่นกัน
ตัวอย่างประเทศ: อียิปต์, เคนยา, โบลิเวีย
- อียิปต์: ดินแดนแห่งฟาโรห์ก็มี VOA ให้นักท่องเที่ยวได้ไปชมพีระมิดและแม่น้ำไนล์
- เคนยา: ใครอยากไปสัมผัสธรรมชาติและสัตว์ป่าในซาฟารี ก็สามารถขอ VOA ที่เคนยาได้
- โบลิเวีย: ประเทศที่มีภูมิประเทศหลากหลายในอเมริกาใต้ก็มี VOA ให้บริการ
นอกจากนี้ก็ยังมี มาดากัสการ์ เอธิโอเปีย และเอกวาดอร์ ที่มีระบบ VOA เช่นกันครับ
สำคัญ: รายชื่อประเทศที่ให้บริการ Visa on Arrival อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามนโยบายของแต่ละประเทศ ดังนั้น ก่อนวางแผนการเดินทาง อย่าลืมตรวจสอบข้อมูลล่าสุดกับสถานทูตหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศปลายทางนะครับ จะได้ไม่เสียเที่ยว!
เจาะลึก! Visa on Arrival สำหรับประเทศไทย มีประเทศไหนบ้างนะ?
มาถึงคำถามสำคัญสำหรับใครที่อยากมาเที่ยวเมืองไทยแล้วขอ Visa on Arrival ที่สนามบินเลย จะมีประเทศไหนบ้างที่ได้รับสิทธิ์นี้? ข้อมูลจากกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ (อัปเดต ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2567) มีรายชื่อดังนี้ครับ:
รายชื่อประเทศและดินแดนที่สามารถขอ VOA ที่ไทย
- อาร์เมเนีย
- เบลารุส
- ภูฏาน*
- โบลิเวีย
- บัลแกเรีย*
- จีน*
- คอสตาริกา
- ไซปรัส*
- เอลซัลวาดอร์
- เอธิโอเปีย
- ฟีจี*
- จอร์เจีย*
- อินเดีย*
- คาซัคสถาน*
- คีร์กีซสถาน
- มอลตา*
- เม็กซิโก*
- นามิเบีย
- นาอูรู
- ปาปัวนิวกินี*
- ปารากวัย
- โรมาเนีย*
- รัสเซีย*
- ซาอุดีอาระเบีย*
- เซอร์เบีย
- เซเชลส์
- ไต้หวัน*
- อุซเบกิสถาน*
- ตูนิเซีย
- วานูอาตู
- เวเนซุเอลา
หมายเหตุสำคัญ: ประเทศและดินแดนที่มีเครื่องหมายดอกจัน (*) กำกับไว้ นอกจากจะสามารถขอ VOA เพื่อท่องเที่ยว ทำงาน หรือติดต่อธุรกิจระยะสั้น และพำนักได้ไม่เกิน 15 วันแล้ว ยังได้รับสิทธิยกเว้นการตรวจลงตรา (ไม่ต้องขอวีซ่า) สำหรับการท่องเที่ยว ทำงาน หรือติดต่อธุรกิจระยะสั้น และสามารถพำนักได้นานถึง 60 วันเลยทีเดียว! คุ้มสุดๆ ไปเลยใช่ไหมล่ะครับ?
ข้อควรรู้เพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ต้องการขอ VOA ที่ประเทศไทย
สำหรับใครที่อยู่ในรายชื่อประเทศที่สามารถขอ VOA ที่ไทยได้ สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ จะสามารถพำนักในประเทศไทยได้ไม่เกิน 15 วันเท่านั้นนะครับ และอย่าลืมเตรียมเอกสารให้พร้อมตามที่ทางการไทยกำหนดด้วยนะครับ
เตรียมตัวให้พร้อม! เอกสารสำคัญที่ต้องมีเมื่อต้องการขอ Visa on Arrival
ถึงแม้ว่า VOA จะดูเหมือนง่าย แต่การเตรียมเอกสารให้พร้อมก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามนะครับ เพราะถ้าเอกสารไม่ครบ อาจทำให้การขอวีซ่าไม่สำเร็จและเสียเวลาเปล่าได้ ลองมาดูกันครับว่าเอกสารพื้นฐานที่เราต้องเตรียมโดยทั่วไปมีอะไรบ้าง
เอกสารหลักฐานส่วนตัวที่ขาดไม่ได้ (พาสปอร์ต, รูปถ่าย)
- หนังสือเดินทาง (Passport): สิ่งสำคัญอันดับหนึ่งเลยครับ พาสปอร์ตของเราต้องมีอายุคงเหลืออย่างน้อย 6 เดือนนับจากวันที่เราเดินทางเข้าประเทศนั้นๆ และต้องมีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้าสำหรับประทับตราวีซ่า อย่าลืมตรวจสอบวันหมดอายุของพาสปอร์ตให้ดีนะครับ!
- รูปถ่าย: บางประเทศจะกำหนดให้เราต้องใช้รูปถ่ายขนาดพาสปอร์ต (ส่วนใหญ่จะเป็นรูปสี พื้นหลังขาว ไม่สวมหมวกหรือแว่นตากันแดด) เตรียมสำรองติดตัวไว้สัก 2-3 รูปก็ดีครับ เผื่อฉุกเฉิน
เอกสารยืนยันการเดินทางและที่พัก (ตั๋วเครื่องบิน, ใบจองโรงแรม)
- ตั๋วเครื่องบินขาออก: หลายประเทศจะขอดูตั๋วเครื่องบินที่ยืนยันว่าเราจะเดินทางออกจากประเทศนั้นๆ ภายในระยะเวลาที่กำหนด บางประเทศอาจไม่อนุญาตให้ขอ VOA ถ้าไม่มีตั๋วเครื่องบินขากลับหรือตั๋วเดินทางต่อไปยังประเทศอื่น
- หลักฐานการจองที่พัก: เพื่อเป็นหลักฐานว่าเรามีที่พักอาศัยระหว่างที่เราอยู่ในประเทศนั้นๆ เช่น ใบยืนยันการจองโรงแรม หรือเอกสารยืนยันการเข้าพักอื่นๆ
หลักฐานทางการเงินและเอกสารอื่นๆ ที่อาจจำเป็น
- หลักฐานการเงิน: บางประเทศอาจต้องการให้เราแสดงหลักฐานว่าเรามีเงินเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายระหว่างที่เราพำนักอยู่ในประเทศนั้นๆ เช่น ใบแจ้งยอดบัญชีธนาคาร หรือเงินสดในสกุลเงินท้องถิ่น (เตรียมแลกเงินสกุลท้องถิ่นติดตัวไว้บ้างก็ดีครับ)
- ค่าธรรมเนียมวีซ่า: การขอ VOA จะมีค่าใช้จ่าย ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ส่วนใหญ่จะรับชำระเป็นเงินสดสกุลท้องถิ่น หรือบางที่อาจรับบัตรเครดิต เตรียมเงินสดให้พร้อมจะดีที่สุดครับ
- ประกันเดินทาง: ถึงแม้จะไม่ใช่เอกสารบังคับเสมอไป แต่การมีประกันเดินทางติดตัวไว้ก็ช่วยให้เราอุ่นใจได้มากครับ เผื่อกรณีเจ็บป่วย อุบัติเหตุ หรือทรัพย์สินเสียหาย
เคล็ดลับเพิ่มเติมเพื่อการขอ Visa on Arrival ที่ราบรื่น
อยากให้การขอ Visa on Arrival ของเราเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีสะดุดใช่ไหมครับ? ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้ดูนะครับ
ตรวจสอบข้อมูลล่าสุดและเงื่อนไขของประเทศปลายทาง
สิ่งสำคัญที่สุดคือการตรวจสอบข้อมูลและเงื่อนไขล่าสุดเกี่ยวกับการขอ VOA ของประเทศที่เราจะเดินทางไป ข้อมูลเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ควรเข้าไปดูที่เว็บไซต์ของสถานทูตหรือกระทรวงการต่างประเทศของประเทศนั้นๆ หรือสอบถามจากสายการบินที่เราใช้บริการก็ได้ครับ
เตรียมเอกสารให้พร้อมและสำรองเผื่อไว้
จัดเตรียมเอกสารทุกอย่างให้เป็นระเบียบ ใส่ในซองหรือแฟ้มที่หยิบง่าย และถ่ายสำเนาเอกสารสำคัญทุกอย่างเก็บไว้อีกชุด เผื่อกรณีเอกสารตัวจริงสูญหาย จะได้มีสำเนาไว้ใช้
เตรียมค่าธรรมเนียมวีซ่าให้พร้อม (เงินสด/บัตรเครดิต)
สอบถามล่วงหน้าว่าค่าธรรมเนียม VOA เท่าไหร่ และรับชำระด้วยวิธีใด (เงินสด สกุลเงินอะไร หรือบัตรเครดิต) เตรียมเงินสดให้พอดีจะสะดวกที่สุดครับ
สรุปและข้อคิด: Visa on Arrival ทางเลือกที่สะดวก แต่ต้องไม่ประมาท!
Visa on Arrival เป็นทางเลือกที่สะดวกและรวดเร็วสำหรับนักเดินทางหลายๆ คน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการเดินทางแบบเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือการศึกษาข้อมูลและเตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนออกเดินทาง เพราะเงื่อนไขและข้อกำหนดของแต่ละประเทศนั้นแตกต่างกัน การไม่ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อาจทำให้ทริปในฝันของเราต้องสะดุดลงได้นะครับ ดังนั้น เตรียมตัวให้ดี วางแผนให้รอบคอบ แล้วการเดินทางไปต่างประเทศของคุณจะสนุกและราบรื่นอย่างแน่นอนครับ!
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Visa on Arrival (FAQ)
คำถามที่ 1: Visa on Arrival เหมือนกับวีซ่าปกติไหม?
ไม่เหมือนกันครับ Visa on Arrival เป็นวีซ่าที่เราขอเมื่อเดินทางถึงประเทศปลายทาง ในขณะที่วีซ่าปกติเราต้องยื่นขอและรอผลอนุมัติจากสถานทูตหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนการเดินทาง
คำถามที่ 2: ทุกคนสามารถขอ Visa on Arrival ได้หรือไม่?
ไม่ครับ การขอ Visa on Arrival ขึ้นอยู่กับสัญชาติของผู้เดินทางและนโยบายของประเทศปลายทาง บางประเทศอนุญาตให้เฉพาะบางสัญชาติเท่านั้นที่สามารถขอ VOA ได้
คำถามที่ 3: ระยะเวลาที่สามารถพำนักได้ด้วย Visa on Arrival นานแค่ไหน?
ระยะเวลาในการพำนักจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ส่วนใหญ่มักจะอนุญาตให้พำนักได้ในระยะเวลาสั้นๆ เช่น 15 วัน 30 วัน หรือ 90 วัน ควรถามเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองให้แน่ใจเมื่อได้รับวีซ่า
คำถามที่ 4: หากเอกสารไม่ครบ จะสามารถขอ Visa on Arrival ได้หรือไม่?
โดยทั่วไปแล้ว หากเอกสารไม่ครบ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองอาจปฏิเสธการออก Visa on Arrival และอาจส่งตัวกลับประเทศได้ ดังนั้น การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนจึงสำคัญมาก
คำถามที่ 5: ค่าธรรมเนียม Visa on Arrival ต้องจ่ายเท่าไหร่?
ค่าธรรมเนียมในการขอ Visa on Arrival แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ควรตรวจสอบค่าธรรมเนียมล่วงหน้าและเตรียมเงินสดให้พร้อม
** ข้อมูลในบทความนี้อาจไม่เป็นปัจจุบัน หรือมีความคลาดเคลื่อนได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมกับแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อความถูกต้อง***
เหตุผลที่คุณควรเลือก First Choice Translation สำหรับการแปลเอกสารยื่นวีซ่า:
- ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านวีซ่า: เราเข้าใจถึงความสำคัญและความละเอียดอ่อนของเอกสารยื่นวีซ่า ทีมงานของเรามีความรู้และความเข้าใจในข้อกำหนดและรูปแบบของเอกสารที่สถานทูตและหน่วยงานราชการต่างๆ ต้องการ ทำให้มั่นใจได้ว่าการแปลของคุณจะถูกต้องและเป็นไปตามมาตรฐาน
- นักแปลภาษาผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์: นักแปลของเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาที่มีประสบการณ์ในการแปลเอกสารราชการและเอกสารทางกฎหมายมาอย่างยาวนาน พวกเขามีความแม่นยำในภาษาและเข้าใจบริบททางวัฒนธรรม ทำให้การแปลมีความเป็นธรรมชาติและสื่อความหมายได้อย่างถูกต้อง
- ความถูกต้องและแม่นยำสูงสุด: เราให้ความสำคัญกับความถูกต้องของทุกคำและทุกข้อความ มีกระบวนการตรวจสอบคุณภาพหลายขั้นตอนเพื่อให้มั่นใจว่าเอกสารที่แปลแล้วไม่มีข้อผิดพลาด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการยื่นวีซ่า
- การรับรองคำแปลที่น่าเชื่อถือ: เราสามารถรับรองคำแปล (Certification) ที่เป็นที่ยอมรับของสถานทูตและหน่วยงานราชการต่างๆ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเอกสารของคุณ
- ความรวดเร็วและตรงต่อเวลา: เราเข้าใจดีว่าการยื่นวีซ่ามีกำหนดเวลาที่แน่นอน ดังนั้นเราจึงมุ่งมั่นที่จะให้บริการแปลที่รวดเร็วและส่งมอบงานตรงตามเวลาที่ตกลงกันไว้ โดยไม่ลดทอนคุณภาพ
- การรักษาความลับและความปลอดภัยของข้อมูล: เราให้ความสำคัญกับการรักษาความลับของข้อมูลส่วนตัวและเอกสารสำคัญของคุณ มีระบบการจัดการข้อมูลที่ปลอดภัยเพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าเอกสารของคุณจะไม่รั่วไหล
- บริการที่ครอบคลุม: เราให้บริการแปลเอกสารหลากหลายประเภทที่จำเป็นสำหรับการยื่นวีซ่า เช่น สูติบัตร ทะเบียนบ้าน ใบรับรองการทำงาน ใบรับรองทางการเงิน และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
- ราคาที่สมเหตุสมผลและโปร่งใส: เราเสนอราคาที่แข่งขันได้และมีความโปร่งใส ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง คุณจะได้รับทราบค่าบริการทั้งหมดก่อนเริ่มงาน
- ความสะดวกสบายในการติดต่อและใช้บริการ: คุณสามารถติดต่อเราได้ง่ายดายผ่านช่องทางต่างๆ และเรามีขั้นตอนการรับงานและส่งมอบงานที่สะดวกและไม่ยุ่งยาก
- การบริการลูกค้าที่เป็นเลิศ: ทีมงานของเราพร้อมให้คำปรึกษาและตอบคำถามของคุณอย่างเต็มที่ เพื่อให้คุณได้รับบริการที่ดีที่สุดและมั่นใจในทุกขั้นตอน
เลือก First Choice Translation เพื่อให้การแปลเอกสารยื่นวีซ่าของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น ถูกต้อง และทันเวลา เพิ่มโอกาสให้การยื่นวีซ่าของคุณประสบความสำเร็จ!
ติดต่อศูนย์แปลเอกสารเฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชัน
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอรับบริการกับศูนย์แปลเอกสาร เฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชันได้แล้ววันนี้ที่
LINE OFFICIAL ACCOUNT: https://page.line.me/fc2009?openQrModal=true หรือ
สำนักงานใหญ่ สะพานควาย จตุจักร
อาคารภูมิเดชา ชั้น 4 ซอยประดิพัทธ์ 10 ถ.ประดิพัทธ์ เเขวง/เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
โทร. 082-3256236 , 065-3958392
https://goo.gl/maps/zUrGGGGWSrtMvjDa7
ศูนย์แปลเอกสารสาขาภูเก็ต ถ.ปฏิพัทธ์ เมืองภูเก็ต
เลขที่ 7/4 ถ.ปฏิพัทธ์ ต.ตลาตเหนือ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต 83000
โทร. 086-3669255
https://goo.gl/maps/s21JAisaAnRPvxtHA