หนังสือเดินทาง people holding passports coronavirus vaccination card map travel with luggage trip covid 19 around world scaled พาสปอร์ต วีซ่า

ติดต่อสถานทูตอเมริกา วีซ่านักเรียน F, M, J ต้องเปิดโซเชียลเป็นสาธารณะ

คุณเคยฝันถึงการไปเรียนต่อ หรือไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่สหรัฐอเมริกาไหมครับ? ถ้าคำตอบคือ “ใช่” ล่ะก็ ข่าวนี้อาจทำให้คุณต้องหันมาใส่ใจโซเชียลมีเดียของคุณเป็นพิเศษเลยล่ะครับ! เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยได้ประกาศเรื่องสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้สมัครวีซ่าชั่วคราวประเภท F, M, หรือ J ทุกคน นั่นก็คือ การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของบัญชีโซเชียลมีเดียทั้งหมดให้เป็น “สาธารณะ” เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบข้อมูลได้นั่นเองครับ ฟังดูน่ากังวลใช่ไหมครับ? ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะพาคุณไปเจาะลึกทุกแง่มุมของนโยบายใหม่นี้ เพื่อให้คุณเตรียมพร้อมและไปถึงฝันได้อย่างราบรื่น


ทำไมต้องเปิดโซเชียล? เจาะลึกนโยบายใหม่ของสหรัฐฯ ขอวีซ่า

หลายคนคงสงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆ สหรัฐฯ ถึงได้เข้มงวดกับเรื่องนี้ขึ้นมาใช่ไหมครับ? ผมจะอธิบายให้ฟังครับ

ยุคแห่งการตรวจสอบ: ความปลอดภัยคือหัวใจ

ต้องยอมรับว่าในยุคปัจจุบัน “ความมั่นคงปลอดภัย” คือประเด็นสำคัญที่ทุกประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาเองก็มีนโยบายที่เข้มงวดในการปกป้องประเทศและพลเมือง การประกาศให้ผู้สมัครวีซ่าบางประเภทเปิดบัญชีโซเชียลมีเดียเป็นสาธารณะก็เป็นหนึ่งในมาตรการเหล่านั้นครับ ทางสถานทูตสหรัฐฯ ให้เหตุผลชัดเจนว่านี่คือการตรวจสอบข้อมูลที่จำเป็นในการ ยืนยันตัวตนและคุณสมบัติในการเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาภายใต้กฎหมายของสหรัฐฯ ซึ่งมาตรการนี้มีผลบังคับใช้ทันที

สหรัฐฯ ต้องการอะไรจากข้อมูลสาธารณะของเรา?

ตามรายงานข่าว กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ประกาศข้อกำหนดใหม่ให้เจ้าหน้าที่ทูตอเมริกัน ตรวจสอบตัวตนในโลกออนไลน์ของผู้สมัครวีซ่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ยื่นสมัครวีซ่าที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและนักเรียนแลกเปลี่ยน สิ่งที่พวกเขาต้องการตรวจสอบคือว่ามี ปัจจัยบ่งชี้ว่าอาจจะเป็นปฏิปักษ์ต่อพลเมือง วัฒนธรรม รัฐบาล สถาบัน และหลักการพื้นฐานของสหรัฐอเมริกาหรือไม่ พูดง่ายๆ คือ พวกเขาต้องการมั่นใจว่าผู้ที่ได้รับวีซ่าจะไม่มีพฤติกรรมหรือแนวคิดที่เป็นภัยต่อประเทศของพวกเขานั่นเองครับ เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังระบุด้วยว่ามาตรการนี้เป็น “ความคาดหวังจากพลเมืองอเมริกันต่อรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ต้องการให้ประเทศปลอดภัยขึ้น” ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังดำเนินการอยู่ทุกวัน


วีซ่า F, M, J คืออะไร? ใครบ้างที่ได้รับผลกระทบ?

เอาล่ะครับ มาดูกันว่าวีซ่าประเภท F, M, และ J คืออะไร และคุณจัดอยู่ในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายใหม่นี้หรือไม่

วีซ่า F: เส้นทางสู่การศึกษาในฝัน

วีซ่า F คือวีซ่าสำหรับ นักเรียนต่างชาติที่ต้องการศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาของสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือสถาบันสอนภาษา วีซ่า F-1 สำหรับนักเรียนทั่วไป วีซ่า F-2 สำหรับคู่สมรสและบุตรที่ติดตามนักเรียนไป และวีซ่า F-3 สำหรับนักเรียนชาวแคนาดาและเม็กซิโกที่เดินทางไปกลับจากประเทศบ้านเกิดเพื่อศึกษาต่อ ผู้ที่ถือวีซ่าประเภทนี้ต้องเตรียมพร้อมเรื่องโซเชียลมีเดียเป็นพิเศษเลยครับ

วีซ่า M: ทักษะและอาชีพที่ใช่

วีซ่า M คือวีซ่าสำหรับ นักเรียนสายอาชีพ หรือผู้ที่ต้องการเข้ารับการอบรมที่ไม่ใช่เชิงวิชาการ ในสถาบันต่างๆ ของสหรัฐอเมริกา เช่น โรงเรียนสอนทำอาหาร โรงเรียนสอนการบิน หรือสถาบันฝึกอบรมด้านเทคนิคต่างๆ วีซ่า M-1 สำหรับนักเรียนสายอาชีพ และ M-2 สำหรับคู่สมรสและบุตรที่ติดตามไป หากคุณวางแผนจะไปเรียนทักษะใหม่ๆ ที่สหรัฐฯ ก็ต้องใส่ใจเรื่องโซเชียลเช่นกันครับ

วีซ่า J: ประสบการณ์แลกเปลี่ยนที่ไม่เหมือนใคร

วีซ่า J คือวีซ่าสำหรับ ผู้ที่เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการศึกษา ที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งมีหลากหลายประเภทมากครับ เช่น นักเรียนแลกเปลี่ยนระดับมัธยมปลาย นักศึกษามหาวิทยาลัย ผู้ฝึกงาน (intern) อาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย หรือแม้แต่พี่เลี้ยงเด็ก (au pair) วีซ่า J-1 สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ และ J-2 สำหรับคู่สมรสและบุตรที่ติดตามไป วีซ่าประเภทนี้นับว่าเป็นกลุ่มที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษเลยครับ ดังนั้นผู้ที่ต้องการไปสัมผัสประสบการณ์แลกเปลี่ยนที่สหรัฐฯ ต้องเตรียมตัวให้ดีมากๆ


เตรียมตัวอย่างไร? เมื่อโซเชียลมีเดียกลายเป็นส่วนหนึ่งของการยื่นวีซ่า

เมื่อโซเชียลมีเดียกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาวีซ่า เราจะเตรียมตัวอย่างไรให้พร้อมที่สุด? มาดูกันครับ

ตรวจสอบการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวให้พร้อม

สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ เข้าไปตรวจสอบการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของบัญชีโซเชียลมีเดียทั้งหมดที่คุณมี ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter, LinkedIn, หรือแม้แต่แพลตฟอร์มอื่นๆ ที่คุณใช้งานอยู่ สิ่งสำคัญคือการปรับให้เป็น “สาธารณะ” หรือ “Public” ในช่วงที่คุณยื่นขอวีซ่า เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ตามข้อกำหนด อย่าลืมเช็คโพสต์เก่าๆ ด้วยนะครับ!

โพสต์แบบไหนถึงจะ “ปลอดภัย” ต่อการพิจารณาวีซ่า?

คำถามยอดฮิตคงหนีไม่พ้น “แล้วโพสต์แบบไหนล่ะถึงจะผ่าน?” จริงๆ แล้วไม่มีสูตรตายตัวหรอกครับ แต่เราสามารถใช้สามัญสำนึกและแนวทางปฏิบัติที่ดีมาช่วยได้

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง: โพสต์ที่สุ่มเสี่ยง
  • เนื้อหาที่แสดงความรุนแรง หรือสนับสนุนการกระทำที่ผิดกฎหมาย: อันนี้แน่นอนอยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ความรุนแรง การก่อการร้าย หรือกิจกรรมที่ขัดต่อกฎหมายสหรัฐฯ
  • การเหยียดเชื้อชาติ ศาสนา เพศ หรือกลุ่มคนใดๆ: การโพสต์เนื้อหาที่แสดงความเกลียดชัง (Hate Speech) หรือดูหมิ่นบุคคลอื่นเป็นสิ่งต้องห้ามเด็ดขาด
  • การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่รุนแรง หรือต่อต้านรัฐบาลสหรัฐฯ: ถึงแม้คุณจะมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก แต่การแสดงออกที่ก้าวร้าวหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อสหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบต่อการพิจารณาวีซ่าของคุณได้
  • การโพสต์รูปภาพหรือวิดีโอที่ไม่เหมาะสม: ไม่ว่าจะเป็นภาพโป๊เปลือย การใช้สารเสพติด หรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอื่นๆ
  • การแชร์ข่าวปลอม (Fake News) หรือข้อมูลบิดเบือน: การเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงอาจถูกมองว่าคุณเป็นผู้บิดเบือนความจริงหรือไม่น่าเชื่อถือ
  • การใช้ภาษาหยาบคาย หรือก้าวร้าวบ่อยครั้ง: แม้จะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ก็สะท้อนบุคลิกของคุณได้
สิ่งที่ควรนำเสนอ: สร้างภาพลักษณ์ที่ดี
  • แสดงความตั้งใจในการศึกษาหรือเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยน: โพสต์เกี่ยวกับการเตรียมตัวเรียน การหาข้อมูลมหาวิทยาลัย หรือความกระตือรือร้นในการไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
  • กิจกรรมที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์: เช่น การเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสา การทำกิจกรรมชมรม การแสดงความสามารถพิเศษ หรือความสนใจในด้านศิลปะ วัฒนธรรม
  • มุมมองเชิงบวกและทัศนคติที่ดี: แสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนที่มีความคิดบวก เปิดกว้าง และเคารพความแตกต่าง
  • การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น: แสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี สามารถเข้ากับผู้อื่นได้
  • ความสนใจในวัฒนธรรมสหรัฐฯ (หากมี): การแสดงความสนใจในสิ่งดีๆ ของสหรัฐฯ เช่น ดนตรี ภาพยนตร์ หรือประวัติศาสตร์ อาจสร้างความประทับใจได้

ผลกระทบต่อนักเรียนไทย: โอกาสและความท้าทาย

นโยบายใหม่นี้ย่อมส่งผลต่อนักเรียนไทยที่ใฝ่ฝันอยากไปศึกษาต่อหรือแลกเปลี่ยนที่สหรัฐฯ แน่นอนครับ

ในแง่ของ โอกาส นี่อาจเป็นโอกาสให้เราได้ทบทวนและปรับปรุงพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียของเราให้ดียิ่งขึ้น ให้เป็นภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือและเป็นมืออาชีพมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ไม่ใช่แค่กับการยื่นวีซ่าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโอกาสในอนาคตด้านการงานและสังคมด้วยครับ

แต่ในแง่ของ ความท้าทาย ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือความเข้มงวดที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้สมัครต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นในการโพสต์หรือแสดงความคิดเห็นในโลกออนไลน์ ซึ่งอาจทำให้บางคนรู้สึกไม่เป็นส่วนตัว หรือกังวลว่าสิ่งที่เคยโพสต์ไปในอดีตจะย้อนกลับมาส่งผลเสียต่อการพิจารณาวีซ่าได้ครับ


อนาคตของการยื่นวีซ่า: โซเชียลมีเดียจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นจริงหรือ?

จากสถานการณ์ปัจจุบัน ดูเหมือนว่าโซเชียลมีเดียกำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการตรวจสอบประวัติและตัวตนของผู้สมัครวีซ่าทั่วโลก ไม่ใช่แค่สหรัฐฯ เท่านั้นครับ แนวโน้มนี้บ่งชี้ว่าในอนาคต การตรวจสอบข้อมูลออนไลน์อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในการยื่นขอวีซ่า ไม่ใช่แค่ประเภท F, M, J แต่อาจขยายไปถึงวีซ่าประเภทอื่นๆ ด้วยก็ได้ครับ ดังนั้น การตระหนักรู้และรับผิดชอบต่อสิ่งที่เราโพสต์ในโลกออนไลน์จึงเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรให้ความสำคัญอย่างยิ่งครับ เหมือนกับสุภาษิตที่ว่า “ปลูกอะไรได้อย่างนั้น” โพสต์สิ่งดีๆ ก็จะได้สิ่งดีๆ ตอบแทนกลับมานั่นแหละครับ


สรุป: เข้าใจกฎ เตรียมพร้อม แล้วไปคว้าฝัน

ถึงแม้ว่านโยบายใหม่นี้จะดูเข้มงวดขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าประตูสู่สหรัฐฯ จะปิดตายสำหรับคุณนะครับ สิ่งสำคัญคือการ เข้าใจกฎ ระเบียบ และเตรียมตัวให้พร้อม ครับ ลองใช้โอกาสนี้ในการสำรวจและปรับปรุงบัญชีโซเชียลมีเดียของคุณให้สะท้อนความเป็นตัวคุณในมุมที่ดีที่สุด สร้างภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือและเหมาะสม เพียงเท่านี้ คุณก็จะมีโอกาสสูงขึ้นที่จะคว้าฝันในการไปศึกษาต่อหรือแลกเปลี่ยนประสบการณ์อันล้ำค่าที่สหรัฐอเมริกาได้สำเร็จแล้วครับ! อย่าให้เรื่องแค่นี้มาหยุดฝันของคุณนะครับ!

ข้อมูลติดต่อ แผนกกงสุล สถานทูตสหรัฐอเมริกา

แผนกกงสุล สถานทูตสหรัฐอเมริกา กรุงเทพมหานคร เลขที่ 95 ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ 10330 ประเทศไทย

ศูนย์ข้อมูลวีซ่า
เวลาทำการ:
 วันจันทร์ถึงศุกร์ 8:00 – 16:00 (ยกเว้นวันหยุด)
โทรศัพท์: 02-105-4110 (ในประเทศไทย)
(703)-665-7349 (โทรจากสหรัฐอเมริกา)
https://th.usembassy.gov/th/visas-th/


คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. Q: ฉันต้องเปิดบัญชีโซเชียลมีเดียทั้งหมดเลยหรือไม่?
    • A: ตามประกาศของสถานทูตสหรัฐฯ ระบุว่า “บัญชีโซเชียลมีเดียทั้งหมด” ควรปรับเป็นสาธารณะ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบข้อมูลที่จำเป็นได้ครับ
  2. Q: ถ้าฉันไม่มีบัญชีโซเชียลมีเดียเลย จะมีผลอะไรกับการสมัครวีซ่าหรือไม่?
    • A: โดยทั่วไปแล้ว การไม่มีบัญชีโซเชียลมีเดียไม่ได้เป็นข้อห้ามในการสมัครวีซ่าครับ แต่หากคุณมีบัญชีอยู่แล้ว ควรปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ประกาศออกมาครับ
  3. Q: เจ้าหน้าที่สถานทูตจะตรวจสอบข้อมูลในอดีตย้อนหลังไปนานแค่ไหน?
    • A: ไม่มีระบุระยะเวลาที่ชัดเจนครับ ดังนั้นการตรวจสอบอาจครอบคลุมถึงโพสต์เก่าๆ ที่คุณเคยโพสต์ไว้ในอดีตด้วยครับ
  4. Q: ฉันควรลบโพสต์เก่าๆ ที่อาจสุ่มเสี่ยงออกไปหรือไม่?
    • A: การลบโพสต์ที่สุ่มเสี่ยงอาจช่วยลดความกังวลได้ แต่สิ่งสำคัญกว่าคือการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในปัจจุบันและในอนาคต รวมถึงการทำความเข้าใจในสิ่งที่สหรัฐฯ ต้องการตรวจสอบครับ
  5. Q: หากฉันมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายนี้ ควรติดต่อสอบถามที่ใด?
    • A: คุณสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย หรือศึกษาข้อมูลจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสถานทูตครับ

ขอบคุณ 
สำนักข่าว TODAY

** ข้อมูลในบทความนี้อาจไม่เป็นปัจจุบัน หรือมีความคลาดเคลื่อนได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมกับแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อความถูกต้อง***

บทความแนะนำ:

 

ทำไมต้องใช้บริการแปลภาษาและแปลเอกสารยื่นวีซ่ากับ First Choice Translation?

การยื่นวีซ่า ไม่ว่าจะเพื่อการท่องเที่ยว ศึกษาต่อ ทำงาน หรือย้ายถิ่นฐาน เป็นขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนและมักจะมีความซับซ้อนอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของเอกสารและภาษา ลองนึกภาพดูสิครับว่าถ้าเอกสารสำคัญของคุณแปลผิดแม้แต่นิดเดียว หรือไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของสถานทูต จะเกิดอะไรขึ้น? อาจหมายถึงการเสียเวลา เสียเงิน หรือแย่กว่านั้นคือวีซ่าไม่ผ่านนั่นเองครับ


ความเชี่ยวชาญที่แตกต่าง: มากกว่าแค่การแปลภาษา

ที่ First Choice Translation เราเข้าใจความกังวลเหล่านี้ดีครับ นั่นคือเหตุผลที่เราไม่ได้เป็นแค่ “บริษัทรับแปลภาษา” ทั่วไป แต่เราคือพันธมิตรที่จะช่วยให้เส้นทางสู่การได้มาซึ่งวีซ่าของคุณราบรื่นที่สุด ลองมาดูกันว่าทำไมเราถึงเป็นตัวเลือกแรกที่คุณควรพิจารณา:

1. ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาและกฎหมายวีซ่าโดยเฉพาะ

การแปลเอกสารยื่นวีซ่าไม่ใช่แค่การเปลี่ยนคำจากภาษาหนึ่งไปอีกภาษาหนึ่งเท่านั้นครับ มันคือการทำความเข้าใจบริบททางกฎหมาย ข้อกำหนดเฉพาะของสถานทูตแต่ละแห่ง และวัฒนธรรมของประเทศปลายทาง ทีมงานของเราประกอบด้วยนักแปลที่มีความเชี่ยวชาญด้านภาษาอย่างลึกซึ้ง และที่สำคัญคือ มีประสบการณ์โดยตรงในการแปลเอกสารสำหรับยื่นวีซ่าหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นวีซ่านักเรียน วีซ่าทำงาน วีซ่าแต่งงาน หรือวีซ่าท่องเที่ยว เราจึงมั่นใจได้ว่าทุกคำ ทุกประโยค จะถูกต้องแม่นยำ และเป็นไปตามมาตรฐานที่สถานทูตต้องการ

2. ความแม่นยำและถูกต้อง 100% คือหัวใจ

ความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยในการแปลเอกสารยื่นวีซ่า อาจนำไปสู่การล่าช้าหรือการปฏิเสธวีซ่าได้ครับ ที่ First Choice Translation เราให้ความสำคัญกับ ความถูกต้องและแม่นยำสูงสุด ในทุกรายละเอียด เรามีกระบวนการตรวจสอบคุณภาพหลายขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าเอกสารที่แปลออกมานั้นครบถ้วน ตรงตามต้นฉบับ และใช้ภาษาที่เป็นทางการตามที่สถานทูตกำหนด ไม่มีคำตกหล่น ไม่มีข้อมูลผิดเพี้ยน รับรองได้ว่าเอกสารของคุณจะ “พร้อมใช้” ทันทีที่ได้รับกลับไป

3. รับรองเอกสารโดยนักแปลมืออาชีพ (Certified Translation)

สถานทูตหลายแห่งกำหนดให้เอกสารที่ยื่นต้องผ่านการรับรองการแปล ซึ่งหมายความว่าเอกสารนั้นต้องได้รับการแปลโดยนักแปลที่ได้รับการรับรอง หรือบริษัทแปลที่มีมาตรฐาน ที่ First Choice Translation เรามีบริการ รับรองเอกสารการแปล โดยนักแปลมืออาชีพที่ได้รับการยอมรับ ทำให้เอกสารของคุณมีน้ำหนักและน่าเชื่อถือในสายตาของเจ้าหน้าที่พิจารณาวีซ่า นี่เป็นสิ่งสำคัญมากที่ช่วยให้กระบวนการของคุณเดินหน้าไปได้อย่างไม่มีสะดุด

4. ประหยัดเวลาและลดความยุ่งยาก

การเตรียมเอกสารยื่นวีซ่าใช้เวลามากอยู่แล้วครับ ไหนจะต้องรวบรวม ตรวจสอบ และเตรียมตัวสัมภาษณ์ การต้องมานั่งกังวลเรื่องการแปลเอกสารเอง หรือไปหาบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเพิ่มความปวดหัวให้คุณได้ First Choice Translation เข้ามาช่วย ลดภาระและความยุ่งยาก ในส่วนนี้ครับ คุณสามารถมั่นใจได้ว่าเอกสารของคุณจะได้รับการจัดการอย่างมืออาชีพ รวดเร็ว และถูกต้อง ทำให้คุณมีเวลาไปเตรียมตัวในส่วนอื่นๆ ที่สำคัญกว่า

5. บริการครบวงจร ตอบโจทย์ทุกความต้องการ

นอกจากบริการแปลภาษาและรับรองเอกสารแล้ว เรายังให้คำปรึกษาเบื้องต้นเกี่ยวกับประเภทเอกสารที่จำเป็นสำหรับการยื่นวีซ่าในแต่ละประเทศอีกด้วยครับ คุณไม่จำเป็นต้องเดาหรือค้นหาข้อมูลเองให้วุ่นวาย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยให้คุณมั่นใจว่ามีเอกสารครบถ้วนตามที่สถานทูตต้องการจริงๆ เพราะเราเข้าใจว่าความต้องการของลูกค้าแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราจึงปรับบริการให้เข้ากับความต้องการเฉพาะของคุณได้อย่างยืดหยุ่น

6. ความน่าเชื่อถือและความลับของข้อมูล

เอกสารยื่นวีซ่ามักจะมีข้อมูลส่วนบุคคลที่สำคัญและเป็นความลับ เราตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี และให้ความสำคัญกับ การเก็บรักษาข้อมูลของลูกค้า อย่างเข้มงวดที่สุด คุณสามารถวางใจได้ว่าข้อมูลของคุณจะปลอดภัยและได้รับการจัดการอย่างเป็นความลับสูงสุดตลอดกระบวนการ


สรุป: ให้ First Choice Translation เป็นทางเลือกแรกของคุณ

การลงทุนกับการแปลเอกสารยื่นวีซ่าโดยมืออาชีพคือการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อให้มั่นใจว่าความฝันในการเดินทางไปต่างประเทศของคุณจะเป็นจริงได้โดยปราศจากอุปสรรคเรื่องเอกสารและภาษา

อย่าปล่อยให้ความไม่พร้อมของเอกสารมาขวางเส้นทางของคุณนะครับ! First Choice Translation พร้อมเป็นตัวเลือกแรกที่จะช่วยให้ทุกขั้นตอนการยื่นวีซ่าของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ ติดต่อเราวันนี้เพื่อรับคำปรึกษาและเริ่มต้นเส้นทางของคุณสู่จุดหมายที่ต้องการ!

ติดต่อศูนย์แปลเอกสารเฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชัน

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอรับบริการกับศูนย์แปลเอกสาร เฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชันได้แล้ววันนี้ที่
LINE OFFICIAL ACCOUNT: https://page.line.me/fc2009?openQrModal=true หรือ

สำนักงานใหญ่ สะพานควาย จตุจักร

อาคารภูมิเดชา ชั้น 4 ซอยประดิพัทธ์ 10 ถ.ประดิพัทธ์ เเขวง/เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
โทร. 082-3256236 , 065-3958392
https://goo.gl/maps/zUrGGGGWSrtMvjDa7

ศูนย์แปลเอกสารสาขาภูเก็ต ถ.ปฏิพัทธ์ เมืองภูเก็ต

เลขที่ 7/4 ถ.ปฏิพัทธ์ ต.ตลาตเหนือ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต 83000
โทร. 086-3669255 
https://goo.gl/maps/s21JAisaAnRPvxtHA