ยุคสมัยนี้เอกสารแปลภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่จำเป็นมากค่ะ เพราะทุกหน่วยงานแทบจะใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลในการสื่อสารมากขึ้น ด้วยเหตุนี้การมีความสามารถในการแปลภาษาด้วย ก็จะทำให้เราเป็นต่อในโลกของการทำงาน แต่ในฐานะที่เราอยู่ในแวดวงการแปลมานานกว่า 10 ปี อยากจะบอกว่า การแปลเอกสารให้ออกมาถูกต้องไร้ที่ตินั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากค่ะ วันนี้ ศูนย์แปลเอกสาร เฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชัน เลยขอมาแนะนำเคล็ดลับการแปลภาษา พร้อมแนะนำคำศัพท์เฉพาะที่ใช้ในการแปล สำหรับคนที่สนใจงานแปลเบื้องต้นค่ะ ตามมาอ่านกันได้เลยค่ะ
ทำไมการแปลภาษาอังกฤษถึงเป็นเรื่องยาก
อย่างที่บอกไปว่า การแปลเอกสารเป็นภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องงาน แต่หลายคนคงสงสัยใช่ไหมคะว่า ทำไมมันถึงเป็นเรื่องยากขนาดนั้น หากเรามีความรู้ภาษาอังกฤษที่มากพอ ก็น่าจะแปลอะไรก็ได้ แต่ความจริงแล้วนั้น งานแปลมีรายละเอียดและสิงที่เราต้องให้ความสำคัญหลายอย่างถึงจะออกมาเป็นงานแปลที่มีคุณภาพและมีความถูกต้องอยางสมบูรณ์แบบ วันนี้เราเลยลิสต์เหตุผลที่ว่า ทั้งๆ ที่เรารู้ภาษาอังกฤษ ทำไมการแปลภาษาอังกฤษถึงยังเป็นเรื่องยาก
ไวยากรณ์มีความซับซ้อน
ลองย้อนนึกถึงสมัยเรียน เชื่อว่าพาร์ทที่สอบแล้วยากที่สุดน่าจะเป็นส่วนของ “ไวยากรณ์” ใช่ไหมคะ ซึ่งเรื่องของไวยากรณ์ก็เป็นเรื่องที่ยากมากๆ ในงานแปลด้วย ถ้าเขียนรูปไวยากรณ์ผิดก็จะทำให้สื่อสารออกไปอย่างผิดความหมายได้ รวมถึงเป็นนจุดผิดพลาดที่สื่อให้ฝ่ายตรงข้ามมองเห็นถึงความไม่เป็นมืออาชีพของเรา การจะแปลเอกสารให้ไวยากรณ์ถูก 100% ด้วยตัวเราคนเดียวอาจจะเป็นเรื่องยากค่ะ เราควรมีผู้เชี่ยวชาญคอยช่วยเหลือ และคอยตรวจงานเอกสารให้เราอีกขั้นหนึ่ง เพื่อความถูกต้องและแม่นยำของงาน
คำศัพท์เฉพาะทางมีจำนวนมาก
เอกสารที่ใช้ในทางราชการ หรือใช้ติดต่อทางธุรกิจ มักจะเป็นเอกสารที่มีความเป็นทางการ ระดับภาษาจะไม่เหมือนกับการเขียนหรือแปลเอกสารทั่วไปค่ะ อีกทั้งถ้าในแง่ของเอกสารทางธุรกิจก็จะมีการแบ่งประเภทตามธุรกิจอีกด้วย เช่น เอกสารเกี่ยวกับการงาน บัญชี การตลาด หรืออวิศวกรรมเป็นต้น หากเราไม่ได้ทำงานในแวดวงนั้นอาจจะแปลเอกสารออกมาได้ยากลำบาก เพราะว่าแต่ละวงการก็จะใช้ศัพท์เฉพาะที่แตกต่างกันค่ะ
การใช้วาทศิลป์ทางภาษาในการเรียบเรียงให้สละสลวย
เคยไหมคะ แปลภาษาอังกฤษได้ทุกคำ ทุกประโยคเลย รู้ว่าประโยคนี้มีความหมายว่าอะไร แต่เรียบเรียงออกมาได้ยากมาก ไม่รู้จะเริ่มต้นด้วยคำไหน ควรใช้ภาษาอย่างไรดีให้อ่านเข้าใจง่ายและในขณะเดียวกันภาษาก็ต้องมีความสละสลวย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของวาทศิลป์ค่ะ หรือกลวิธีในการใช้ภาษา ซึ่งเป็นศาสตร์และศิลป์เฉพาะตัวมาก ที่ต้องผ่านการอ่านหนังสือมาเป็นจำนวนมาก และแปลงานมาเป็นจำนวนมากค่ะ
มีภาษาเฉพาะที่ใช้กันในกลุ่มนักแปล
สำหรับการแปลแล้ว ก็ยังมีภาษาที่ใช้กันโดยเฉพาะด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นภาษาเฉพาะในการแปลภาษา หรือภาษาเฉพาะที่ใช้เรียกเทคนิคและเครื่องมือในการแปล หากเราไม่รู้ความหมายเกี่ยวกับคำศัพท์เหล่านี้ อาจจะทำให้เราจับต้นชนปลายงานแปลไม่ถูก เพิ่มความยุ่งยากในขณะแปลงานได้เช่นกันค่ะ ซึ่งคำศัพท์ในส่วนนี้เราจะแนะนำและอธิบายอย่างละเอียด ในหัวข้อถัดไปค่ะ
อยากแปลเก่งขึ้นต้องทำอย่างไร
เราคงเห็นแล้วว่า การแปลภาษาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มีเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้รู้ได้ว่า ควรให้ผู้เชี่ยวชาญแปลภาษาให้เราดีกว่านั่งแปลด้วยตัวเอง นอกจากจะยากแล้ว ยังเสียเวลาอีกด้วยนะคะ แต่เชื่อว่าก็มีหลายคนที่อยากจะพัฒนาทักษะการแปล เพื่อที่จะได้แปลเอกสารหรือบทความที่จำเป็นต่อการทำงานในเวลาเร่งด่วน หรือเอกสารที่ใช้สำหรับเป็นแหล่งความรู้เพิ่มเติมไปเสริมในการทำงานให้เก่งขึ้น ซึ่งเราก็มีเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้คุณแปลภาษาอังกฤษได้เก่งขึ้น ดังนี้
เรียนรู้เรื่องไวยากรณ์ให้เชี่ยวชาญยิ่งขึ้น
ไวยากรณ์ดูเป็นเรื่องที่ยากที่สุด เพราะไวยากรณ์ภาษาอังกฤษมีความแตกต่างจากภาษาไทย มีกฎบางอย่างที่มีเฉพาะในภาษาอังกฤษในแบบที่ภาษาไทยไม่มี เพื่อให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด เราก็ควรศึกษาไวยากรณ์ให้แข็งแรง เพื่อที่ว่าเวลาไปแปลงานจะได้มีความคล่องและชำนาญมากยิ่งขึ้นค่ะ
เรียนรู้ความหมายของคำศัพท์เฉพาะทางในหลายๆ วงการ
เอกสารที่เราเจอในชีวิตการทำงาน หรือในชีวิตประจำวันนั้นมีความหลากหลายมาก การรู้เฉพาะคำศัพท์ในแวดวงการทำงานของตัวเองอาจเพียงพอแล้ว ดังนั้น เราจึงควรเพิ่มคลังคำศัพท์ ด้วยการศึกษาและจดจำคำศัพท์เฉพาะทางในวงการทำงานหลายๆ วงการค่ะ คราวนี้ไม่ว่าจะเอกสารประเภทไหน หรือเป็นเอกสารที่ใช่ในธุรกิจไหน เราก็จะสามารถแปลได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมค่ะ
ให้ทุกวันเป็นการเรียนรู้ภาษาของเรา
เขาว่ากันว่า การได้อยู่กับภาษาจะช่วยให้เราเก่งขึ้นและช่วยให้การใช้ภาษาของเราพัฒนาไปอีกขั้น แต่การจะมานั่งกางหนังสือไวยากรณ์ทุกวี่ทุกวันอาจจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อเกิน ดังนั้น เราควรสอดแทรกสิ่งที่เป็นภาษาอังกฤษให้กลมกลืนไปกับกิจวัตรประจำวันของเราค่ะ เช่น จากที่ชอบนั่งอ่านข่าวออนไลน์ หรือบทความออนไลน์เป็นภาษาไทย ก็ลองอ่านเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษดู หรือตั้งค่าโทรศัพท์มือถือของเราให้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ก็จะช่วยให้เราคุ้นเคยกับภาษามากขึ้น รวมถึงการฟังเพลงภาษาอังกฤษ การดูซีรีส์ต่างประเทศบ่อยๆ ก็ช่วยเรื่องทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของเราให้พัฒนายิ่งขึ้นไปอีกในแบบที่สนุกขึ้นค่ะ
ฝึกลงมือแปลด้วยตัวเอง
หากรู้สึกว่าเราศึกษาเพิ่มเติมมากพอแล้ว ก็ลองลงมือแปลเอกสารด้วยตัวเองเลยค่ะ จริงๆ แล้ว ไม่มีวิธีการไหนที่ดีไปกว่าการลองลงสนามจริงอีกแล้ว หากรู้สึกว่าการแปลเอกสารเป็นปึกๆ เป็นเรื่องยากและซับซ้อนเกินไป อาจจะเริ่มจากการแปลในระดับย่อหน้า หรือแปลสั้นๆ สัก 1-2 หน้าก่อนค่ะ แล้วค่อยเพิ่มระดับความยาก ความยาวของต้นฉบับที่จะแปลขึ้นไปเรื่อยๆ หรือการลองตั้งสเตตัสเป็นภาษาอังกฤษ ก็ถือว่าเป็นการฝึกทักษาการแปลอย่างหนึ่งเช่นกัน
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องการเป็นนักแปล
เมื่อเราลองลงมือแปลแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยใช่ไหมคะว่า แล้วเราจะรู้ได้ออย่างไรว่า สิ่งที่เราแปลนั้นถูกต้องแล้วหรือยัง เราแนะนำให้คุณปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษา หรือเพื่อนที่เป็นเจ้าของภาษาไปเลย เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง และขอคำแนะนำที่ดีเพื่อพัฒนาการแปลต่อไปค่ะ
8 คำศัพท์ภาษาอังกฤษเฉพาะทาง ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการแปล
ในการแปลงาน เราจะมีคำศัพท์เฉพาะทางที่เกี่ยวข้องในการแปล ซึ่งจะช่วยทำให้ดูมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น ต่อไปนี้คือ 8 คำศัพท์เฉพาะทางที่ใช้ในอุตสาหกรรมการแปลค่ะ
- Editable document – เอกสารที่สามารถแก้ไขได้
ไฟล์ที่โปรแกรมแก้ไขข้อความสามารถเลือกข้อความได้และคำที่สามารถนับได้ทางอิเล็กทรอนิกส์โดยโปรแกรมเหล่านี้หรือเครื่องมือ CAT - Desktop Publishing (DTP) – ซอฟแวร์คอมพิวเตอร์ในการออกแบบสิ่งพิมพ์
การจัดรูปแบบเค้าโครงของหน้าบนซอฟต์แวร์สิ่งพิมพ์เพื่อให้เอกสารพร้อมสำหรับการพิมพ์ - Publication Software – ซอฟต์แวร์สิ่งพิมพ์
ใช้เพื่อสร้างเค้าโครงหน้าสำหรับการมอบหมายการเผยแพร่บนเดสก์ท็อป โปรแกรมต่างๆ ได้แก่ InDesign, QuarkXpress, Microsoft Publisher และ Scribus เป็นต้น - Portable Document Format (PDF) – เอกสาร PDF
รูปแบบยอดนิยมหรือที่เรียกว่า PDF ซึ่งสร้างโดย Adobe Systems ในปี พ.ศ. 2536 และใช้กับทั้งเอกสารข้อความและสิ่งพิมพ์ เอกสารที่แปลงเป็น PDF มีน้ำหนักเบากว่าและสามารถอ่านได้โดยโปรแกรมต่างๆในระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกัน แต่สามารถแก้ไขได้โดยซอฟต์แวร์พิเศษเท่านั้น - Source document – เอกสารต้นฉบับ
เอกสารที่จะแปล - Source language – ภาษาต้นฉบับ
ภาษาต้นฉบับที่ใช้เขียนเนื้อหา - Text Editor – แก้ไขข้อความ
ซอฟต์แวร์ที่ใช้สร้างและแก้ไขไฟล์ข้อความเช่น Microsoft Word และ Open Office Writer - Word count report (log) – รายงานการนับจำนวนคำ (บันทึก)
รายงานที่สร้างโดยเครื่องมือที่มีรายละเอียดจำนวนคำที่พบในเอกสารต้นฉบับ ซึ่งช่วยให้สามารถอ้างคำแปลได้
อยากได้งานแปลคุณภาพ ให้ศูนย์แปลเอกสาร เฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชัน ช่วยดีกว่า
การจะแปลเอกสารภาษาอังกฤษให้ได้คุณภาพดี มีความถูกต้องและแม่นยำนั้น ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ และผ่านประสบการณ์แปลมากพอสมควรค่ะ แต่ในแต่ละวันเราก็มีเอกสารแปลที่ต้องรีบใช้งานเลยใช่ไหมละคะ เราเลยขอแนะนำว่า ลองให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยแปลเอกสารให้คุณ โดยที่คุณไม่ต้องเสียเวลานั่งแปลเองค่ะ หากไม่รู้ว่าจะเลือกศูนย์แปลเอกสารที่ไหนดี ลองมาแปลกับ ศูนย์แปลเอกสาร เฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชัน ได้เลยค่ะ การันตีในคุณภาพ แปลโดยนักแปลเจ้าของภาษา ด้วยประสบการณ์การแปลที่มากกว่า 10 ปี ได้งานคุณภาพดี ใช้งานต่อได้จริงแน่นอนค่ะ
เฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชัน ศูนย์แปลเอกสารมากคุณภาพ มีประสบการณ์การแปลมามากกว่า 10 ปี ผ่านการแปลงานไม่ต่ำกว่า 5,000 ชิ้น รับแปลงานภาษาอังกฤษ และอีก 30 ภาษาทั่วโลก นอกจากนี้ เรายังมีบริการรับรองเอกสารต่างๆ อีกด้วย มาที่นี่ได้ทั้งงานแปล และการรับรองเอกสาร ครบ จบ ในที่เดียวค่ะ
ติดต่อศูนย์แปลเอกสารเฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชัน
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอรับบริการกับศูนย์แปลเอกสาร เฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชันได้แล้ววันนี้ที่
LINE OFFICIAL ACCOUNT: https://page.line.me/fc2009?openQrModal=true หรือ
สำนักงานใหญ่ สะพานควาย จตุจักร
อาคารภูมิเดชา ชั้น 4 ซอยประดิพัทธ์ 10 ถ.ประดิพัทธ์ เเขวง/เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
โทร. 082-3256236 , 065-3958392
https://goo.gl/maps/zUrGGGGWSrtMvjDa7
ศูนย์แปลเอกสารสาขาภูเก็ต ถ.ปฏิพัทธ์ เมืองภูเก็ต
เลขที่ 7/4 ถ.ปฏิพัทธ์ ต.ตลาตเหนือ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต 83000
โทร. 086-3669255
https://goo.gl/maps/s21JAisaAnRPvxtHA