แปลภาษาอังกฤษอย่างไรให้น่าอ่าน และมีความลื่นไหลทางภาษา ในชนิดที่ว่าใครหยิบงานแปลของเราขึ้นมาอ่านก็รู้สึกประทับใจจนอยากอ่านต่อ บางครั้งแม้เราจะรู้ความหมายอย่างถ่องแท้ แต่ก็ยากที่จะถ่ายทอดออกมา เพราะภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่หรือภาษาแรกที่เราใช้ได้อย่างคล่องแคล่วและแม่นยำได้เท่าเจ้าของภาษา เลยทำให้การเลือกใช้บริการศูนย์แปลภาษาเป็นทางออกที่น่าสนใจ เพราะเป็นแหล่งที่รวมนักแปลที่เชี่ยวชาญทางด้านภาษา สามารถแปลงานได้อย่างถูกต้อง และใช้ภาษาได้สละสวย และนี่ก็เป็นคำตอบของคำถามที่ว่าทำไมถึงเลือกใช้นักแปลมากกว่าเครื่องมือแปลด้วยตัวเอง อย่างเช่น ศูนย์รับแปลภาษาเฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชันเป็นเป็นศูนย์รับแปลภาษาที่จะช่วยให้คุณได้งานแปลที่ถูกต้องและใช้ภาษาได้อย่างสละสลวย เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพมากขึ้นว่าเรามีความเชี่ยวชาญขนาดไหน วันนี้เราขอมาเผยเทคนิคและตัวช่วยลับในแบบฉบับเฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชันใช้แปลงานจนทำให้ได้รับการยอมรับว่าแปลงานมีคุณภาพ มีความถูกต้อง และใช้ภาษาน่าอ่าน ส่วนเทคนิคและตัวช่วยมีอะไรบ้าง หาคำตอบได้ที่บทความนี้เลยค่ะ
รับแปลภาษาอังกฤษ คืออะไร ทำไมไม่ใช่เรื่องง่าย
รับแปลภาษาอังกฤษ โดยแปลจากภาษาไทยนั้น คือ นักแปลที่รับการถ่ายทอดความหมายจากภาษาไทยออกมาเป็นภาษาอังกฤษ โดยที่ความหมายของการแปลไม่ผิดเพี้ยนไปจากต้นฉบับ และยังสื่อสารให้คนอ่านเข้าใจถึงความหมายได้อย่างชัดเจนและได้อรรถรส
รับแปลภาษาอังกฤษ สำคัญอย่างไรในตลาดแรงงานนปัจจุบัน เนื่องจากทุกวันนี้ภาษาอังกฤษได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น มีการติดต่อสื่อสารกับชาวต่างชาติมากขึ้น ดังนั้น เอกสารต่างๆ หรือหนังสือควรสื่อสารผ่านภาษาสากลอย่างภาษาอังกฤษค่ะ แม้ว่าทุกวันนี้หลายคนจะอ่านภาษาอังกฤษได้ แปลความหมายได้ดีแล้ว แต่การให้ศูนย์แปลภาษาแปลให้ย่อมดีกว่า เพราะจะช่วยให้ต้นฉบับเหล่านั้นแปลออกมาอย่างถูกต้อง มีความน่าเชื่อ สร้างความเข้าใจตรงกัน และที่สำคัญทำให้ทุกคนไม่ต้องเสียเวลาในการแปลอีกด้วย
เทคนิคการแปลภาษาอังกฤษให้ถูกต้องและน่าอ่านขึ้น
ก่อนอื่นมาดูเทคนิคที่ศูนย์แปลภาษาเฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชันใช้เวลาแปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษจนได้รับการยอมรับว่ามีความถูกต้อง และแม่นยำ เทคนิคที่เราใช้ในการแปลงานคุณภาพก็คือ
1.ถามเจ้าของงานเพื่อให้เข้าใจถึงภาพรวมของต้นฉบับ
การแปลงานก็มีความคล้ายคลึงกับการเขียนงานเลยค่ะ ก่อนที่จะลงมือเขียนหรือแปล เราจำเป็นต้องรู้จุดประสงค์ของต้นฉบับนั้น ในกรณีของงานแปล เราควรรู้ว่า เจ้าของงานอยากจะสื่อสารต้นฉบับนั้นออกมาอย่างไร เป็นต้นฉบับที่เขียนออกมาเพื่ออะไร และมีภาพรวมคร่าวๆ อย่างไร การถามคำถามเหล่านี้กับเจ้าของงานจะช่วยให้เราเข้าใจสิ่งที่เจ้าของงานอยากสื่อสารมากขึ้น ทำให้แปลได้ไม่หลงทาง ไม่ผิดประเด็น และยังเก็บรายละเอียดจุดสำคัญที่เจ้าของงานอยากเน้นอีกด้วย
2.อ่านหนังสือภาษาอังกฤษให้เยอะ
หลายคนอาจเข้าใจว่า การแปลภาษาอังกฤษ ให้เป็นภาษาไทยนั้น ต้องมีความเชี่ยวชาญเรื่องไวยากรณ์ภาษาอังกฤษมากๆ เพื่อจะได้แปลงานได้อย่างถูกต้อง ซึ่งนั่นก็เป็นความคิดที่ถูกครึ่งหนึ่ง แต่อีกครึ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยก็คือ การใช้ภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติ เชื่อว่าหลายคนนคงเจอปัญหาแปลได้อย่างถูกต้อง แต่พออ่านดูกลับเป็นรูปประโยคที่ชาวต่างชาติไม่นิยมใช้กัน ถึงแม้ว่าจะเข้าใจภาษาอังกฤษแต่ทำไมยังแปลออกมาได้ยาก และทำอย่างไรถึงจะแปลได้เช่นนั้น เทคนิคก็คือ อ่านหนังสือภาษาอังกฤษเยอะๆ ค่ะ เพราะการอ่านนจะช่วยให้เราได้เห็นการใช้ภาษาอังกฤษจากนักเขียนที่เชี่ยวชาญทางภาษา ได้เรียนรู้หลักไวยากรณ์จากงานเขียนจริง และช่วยให้เราซึมซับการใช้ภาษาสวยงามจากงานเขียนอีกด้วย
Tip: หากคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือเลย การดูซีรีส์ซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษก็ช่วยได้ค่ะ และมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนการอ่านหนังสือตรงที่ภาษาในซีรีส์จะเป็นภาษาพูดกันในชีวิตประจำวัน จะช่วยให้เราแปลงานได้อย่างเป็นธรรมชาติ ที่จับใจคนอ่านได้มากขึ้นค่ะ
3.ฝึกแปลงานบ่อยๆ
อยากแปลเก่ง แปลคล่อง ใช้ภาษาได้สวย ก็หนีไม่พ้นการฝึกฝนบ่อยๆ อาจไม่จำเป็นต้องรับงานแปลเยอะๆ แต่อาจทำให้การแปลเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเรา เช่น ดัดแปลงคำโฆษณาของไทยเราในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษแบบสนุกๆ หรือเขียนไดอารี่หรือบล็อกเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งนอกจากจะทำให้คุณแปลคล่องขึ้นแล้ว ดีไม่ดีอาจได้คอมเม้นต์ที่เป็นคำแนนะนำดีๆ ในการพัฒนางานแปลต่อไปได้ด้วย อย่างเฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชันเอง นักแปลแต่ละคนก็ผ่านงานแปลมาหลายชิ้น และสะสมประสบการณ์มานานหลายปี
ตัวช่วยการแปลภาษาให้แปลง่าย ใช้ภาษาได้สละสลวยกว่าเดิม
บางทีพจนานุกรมแค่เล่มเดียวก็อาจไม่พอ ต้องมีตัวช่วยอื่นมาเสริมพลัง แปลได้อย่างไม่ผิดเพี้ยนจากต้นฉบับ สื่อสารตรงความหมาย และใช้ภาษาที่สวยงาม จนใครๆ ก็อยากอ่านงานของเราจนจบ ว่าแต่เฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชันจะมีตัวช่วยอะไรบ้างนั้น ตามมาดูกันเลยค่ะ
1.ใช้พจนานุกรมให้เข้าใจความหมายมากขึ้น
ตัวช่วยสำคัญที่เรามีไว้ติดตัวเลยก็คือ “พจนานุกรม” นั่นเอง แต่พจนานุกรมก็มีหลายประเภท หลายภาษาใช่ไหมคะ แล้วควรจะใช้พจนานุกรมแบบไหนดี เฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชันอยากจะแนะนำให้ใช้พจนานุกรม 3 อย่างหลักๆ ค่ะ ได้แก่
- พจนานุกรมไทย-อังกฤษ
แน่นอนว่า ก้าวแรกที่จะทำให้เราแปลภาษาอังกฤษออกมาได้ก็คือ การรู้ความหมายของคำศัพท์ว่า ภาษาไทยคำนี้พอแปลเป็นภาษาอังกฤษต้องใช้คำว่าอะไร พอรู้ความหมาย ก็จะช่วยให้เราสื่อสารหรือแปลความหมายของมาเป็นภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง
- พจนานุกรมอังกฤษ-อังกฤษ
แม้คุณจะรู้จากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษแล้ว แต่เราอยากจะบอกว่าแค่พจนานุกรม ไทย-อังกฤษอาจจะไม่พอค่ะ เพราะพจนานุกรมบางเล่มก็จะแปลออกมาเป็นคำสั้นๆ ที่ความหมายยังไม่ครอบคลุม และไม่รู้ถึงบริบทการใช้ ดังนั้น เราเลยอยากแนะนำให้ใช้พจนานุกรมอังกฤษ-อังกฤษด้วย เพื่อให้ได้ความหมายในเชิงลึก และยังเห็นตัวอย่างประโยคการใช้คำ ที่จะช่วยให้เราเข้าใจบริบทในการใช้ภาษามากขึ้น
- พจนานุกรมศัพท์เฉพาะทาง
อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ ความเฉพาะทางของต้นฉบับ จากประสบการณ์ที่ผ่านงานแปลมาเยอะ เราพบว่าบางต้นฉบับจะมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องเฉพาะทางมากๆ เช่น การตลาด วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ หรือกฎหมาย ซึ่งพจนานุกรมทั่วไปอาจไม่มีคำแปลของศัพท์เฉพาะทางนี้ หรือความหมายที่ปรากฏก็อาจใช้ไม่ได้ในงานแบบนี้ ดังนั้น ควรมีพจนานุกรมแปลศัพท์เฉพาะทางที่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องที่เราแปล ก็จะช่วยเพิ่มความถูกต้อง และใช้ภาษาที่คนต่างชาติเข้าใจได้ไม่ยากค่ะ
2.แอปพลิเคชันช่วยแปลภาษาอังกฤษ
สมัยนี้มีแอปพลิเคชันและเว็บไซต์มากมายที่ช่วยให้แปลภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้น แถมยังช่วยตรวจความถูกต้องทางไวยากรณ์ให้อีกด้วย แต่เราเองก็ระวังในการเลือกใช้เพราะบางเว็บไซต์หรือบางแอปพลิเคชันก็ไม่ได้แม่นยำ 100% อย่างเช่น Google Translation แม้ปัจจุบันจะมีการพัฒนาไปไกลแล้ว บางประโยคก็มีความแม่นยำ แต่ก็ไม่ถึงขั้นถูกต้อง 100% เหมาะกับการเช็กคำศัพท์ หรือวลีสั้นๆ มากกว่า
แต่ถ้าแปลเป็นบทความเราคิดว่า “Grammarly” เป็นตัวช่วยที่ดีค่ะ เพราะมีการตรวจเช็กไวยากรณ์ แนะนำการใช้คำที่เหมาะสม และยังมีการให้คะแนนงานเขียนหรืองานแปลภาษาอังกฤษของเราด้วยว่า จากเต็ม 100 คะแนน งานเราได้เท่าไหร่
3.ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
แม้ทุกวันนี้จะมีเทคโนโลยีหรือแอปพลิเคชันช่วยแปลภาษา แต่ก็ไม่อาจการันตีได้ว่ามีความถูกต้องแบบไร้ที่ติ ท้ายที่สุดแล้ว การใช้คนแปลย่อมได้งานที่ถูกต้องและละเมียดละไมมากกว่าและหากคุณพยายามทุกวิถีทางแล้ว แต่ก็ยังเจอปัญหาในการแปล ไม่ว่าจะเป็นหาความหมายของศัพท์บางคำไม่ได้ ไม่รู้จะใช้แกรมม่าแบบไหน ไม่รู้ถึงบริบทงานแปล หรืองานชิ้นนั้นมีความเฉพาะทางมากๆ ที่เราก็จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านนั้นให้มาแปลงานชิ้นเฉพาะนั้นเลยค่ะ เพื่อให้ได้งานที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง
นี่ก็คือเทคนิคและตัวช่วยแปลภาษาอังกฤษให้เป็นภาษาไทยได้อย่างสละสลวยและมีความถูกต้องมากขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องอาศัยการฝึกฝนและประสบการณ์การแปลที่ค่อนข้างสูง เพื่อให้ได้งานแปลที่มีประสิทธิภาพ
แต่ถ้าตอนนี้คุณกำลังมองหาตัวช่วยในการแปลภาษาล่ะก็ ศูนย์แปลเอกสารเฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชันก็พร้อมให้บริการรับแปลภาษาอังกฤษ รับแปลเอกสาร โดยนักแปลมืออาชีพ พร้อมให้บริการแปลภาษามากกว่า 30 ภาษา การันตีบริการคุณภาพ ถูกต้องแม่นยำและรวดเร็ว ถอดความหมายได้ตรงตามสไตล์ต้นฉบับ ด้วยราคามิตรภาพค่ะ
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอรับบริการกับศูนย์แปลเอกสาร เฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชันได้แล้ววันนี้ที่ LINE OFFICIAL ACCOUNT: https://page.line.me/fc2009?openQrModal=true หรือ
สำนักงานใหญ่ สะพานควาย จตุจักร
อาคารภูมิเดชา ชั้น 4 ซอยประดิพัทธ์ 10 ถ.ประดิพัทธ์ เเขวง/เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
โทร. 061-1769965 , 065-3958392
https://goo.gl/maps/zUrGGGGWSrtMvjDa7
สาขาภูเก็ต ถ.ปฏิพัทธ์ เมืองภูเก็ต
เลขที่ 7/4 ถ.ปฏิพัทธ์ ต.ตลาตเหนือ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต 83000
โทร. 086-3669255
https://goo.gl/maps/s21JAisaAnRPvxtHA