สมรสเท่าเทียม หรือการสมรสที่เปิดกว้างให้คู่รักทุกเพศสภาพจดทะเบียนสมรสได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย กำลังเป็นประเด็นร้อนที่ทั่วโลกให้ความสนใจ รวมถึงประเทศไทยด้วย การผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียม ไม่เพียงแต่เป็นการเรียกร้องสิทธิที่เท่าเทียมกันทางกฎหมายสำหรับคู่รัก LGBTQIA+ เท่านั้น แต่ยังเป็นการยืนยันถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และการยอมรับความหลากหลายทางเพศในสังคมด้วยเช่นกัน
จุดเริ่มต้นของ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม
จุดเริ่มต้นของการพยายามผลักดัน พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมในประเทศไทย สามารถย้อนกลับไปได้เมื่อปี พ.ศ. 2544 ในสมัยรัฐบาล นาย ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้นได้ริเริ่มนำแนวคิดนี้มาพิจารณา แต่เนื่องจากความไม่เห็นด้วยและกระแสต่อต้านจากสังคม ทำให้แนวคิดนี้ต้องถูกปัดตกไป
ต่อมาในปี พ.ศ. 2563 พรรคก้าวไกลได้เสนอร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ขึ้นมาอีกครั้ง โดยมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้บุคคลทุกเพศสภาพสามารถสมรสกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมได้รับสิทธิต่างๆ เท่าเทียมกัน เสมือนการสมรสระหว่าง ชาย-หญิง
แม้ปัจจุบัน ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้จะยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร และยังคงมีข้อถกเถียงและความเห็นที่แตกต่างกันในสังคม แต่ก็ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญในการผลักดันสิทธิและความเท่าเทียมทางกฎหมายให้กับกลุ่ม LGBTQIA + ในประเทศไทย

สิทธิประโยชน์จากกฎหมาย “สมรสเท่าเทียม” มีอะไรบ้าง
1. สิทธิในการหมั้นและการแต่งงาน
คู่รัก LGBTQIA+ จะสามารถทำการหมั้นหมายและแต่งงานกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีผลทางกฎหมายรองรับ เช่น การจัดการทรัพย์สินหมั้น พร้อมได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่นเดียวกับคู่สมรส ชาย-หญิง
2. สิทธิในการจัดการสินสมรสร่วมกัน
ในบริบทของสมรสเท่าเทียม สิทธิในการจัดการสินสมรสร่วมกันมีหลักการคล้ายคลึงกับการสมรสระหว่างชายและหญิง โดยคู่สมรสมีสิทธิเท่าเทียมกันในการจัดการทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างการสมรส (สินสมรส) โดยมีรายละเอียดดังนี้
- สินสมรส ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรส ถือเป็นสินสมรสของคู่ทั้งสองฝ่าย แม้ว่าจะได้มาโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
- การจัดการสินสมรส คู่สมรสมีสิทธิจัดการสินสมรสร่วมกัน หรือต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่งในกรณีที่กฎหมายกำหนด เช่น การขาย จำนอง หรือให้เช่าอสังหาริมทรัพย์
- การแบ่งสินสมรส ในกรณีหย่าร้างหรือคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิต จะมีการแบ่งสินสมรสตามที่กฎหมายกำหนด หรือตามที่คู่สมรสได้ตกลงกันไว้

3. สิทธิในการรับบุตรบุญธรรม
ภายใต้กฎหมายสมรสเท่าเทียม คู่สมรสที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIA+) จะมีสิทธิในการรับบุตรบุญธรรมร่วมกันอย่างเท่าเทียมกับคู่สมรสชายหญิง โดยมีรายละเอียดดังนี้
- การรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน คู่สมรสสามารถรับบุตรบุญธรรมร่วมกันได้ ซึ่งหมายความว่าบุตรบุญธรรมจะมีสถานะทางกฎหมายเป็นบุตรของทั้งสองคน
- การใช้นามสกุล บุตรบุญธรรมสามารถใช้นามสกุลของคู่สมรสคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนรวมกันก็ได้
- ความสัมพันธ์ทางกฎหมาย บุตรบุญธรรมจะมีความสัมพันธ์ทางกฎหมายกับคู่สมรสเหมือนกับบุตรที่เกิดจากการสมรส
- สิทธิและหน้าที่ คู่สมรสจะมีสิทธิและหน้าที่ในการดูแลบุตรบุญธรรมเช่นเดียวกับพ่อแม่ทั่วไป เช่น การเลี้ยงดู อบรม สั่งสอน และดูแลสุขภาพ
4. สิทธิในการดูแลชีวิตของคนรัก
- สิทธิในการตัดสินใจทางการแพทย์ ในกรณีที่คู่สมรสไม่สามารถตัดสินใจด้วยตนเองได้เนื่องจากเจ็บป่วยหรือเหตุอื่นๆ คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งจะมีสิทธิในการตัดสินใจเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การผ่าตัด หรือการดูแลทางการแพทย์อื่นๆ แทน
- สิทธิในการจัดการศพ ในกรณีที่คู่สมรสเสียชีวิต คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งจะมีสิทธิในการจัดการศพ จัดพิธีศพ และตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินและมรดกของผู้เสียชีวิต
5. สิทธิในการรับสวัสดิการจากรัฐในฐานะคู่สมรม
- สิทธิในการรับสวัสดิการจากรัฐ เช่น สิทธิในการรับเงินบำนาญของคู่สมรส, สิทธิในการเบิกค่ารักษาพยาบาลของคู่สมรส, สิทธิในการลาเพื่อดูแลคู่สมรสที่ป่วย
- สิทธิในการยื่นภาษีร่วม คู่สมรสสามารถยื่นภาษีร่วมกันได้
- สิทธิในการรับสวัสดิการสังคมอื่นๆ เช่น สิทธิในการรับเงินช่วยเหลือผู้สูงอายุ, สิทธิในการรับเงินช่วยเหลือผู้พิการ
6. สิทธิในการหย่าร้าง และเรียกร้องค่าทดแทน
- สิทธิในการหย่าร้าง คู่ชีวิตที่จดทะเบียนตามกฎหมายจะมีสิทธิในการหย่าร้างเช่นเดียวกับคู่สมรสที่จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยสามารถฟ้องหย่าได้ในกรณีเดียวกัน เช่น การนอกใจ การทำร้ายร่างกาย หรือการทอดทิ้ง
- สิทธิในการเรียกร้องค่าทดแทน คู่ชีวิตที่จดทะเบียนตามกฎหมายจะมีสิทธิในการเรียกร้องค่าทดแทนในกรณีที่คู่ชีวิตอีกฝ่ายหนึ่งเสียชีวิต หรือหย่าร้างเนื่องจากความผิดของอีกฝ่ายหนึ่ง เช่นเดียวกับคู่สมรสที่จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
กฎหมายสมรสเท่าเทียม เริ่มมีผลบังคับใช้ตอนไหน
ถึงแม้เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567 จะมีการจัดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม วาระ 2-3 และ พล.ต.ท.ศานิตย์ ได้เสนอให้เปลี่ยนจากมีผลบังคับใช้ทันทีหลังประกาศลงราชกิจจานุเบกษา 120 วัน เป็น “ตั้งแต่วันถัดไป”
จากมติที่ประชุม เห็นด้วย 137 เสียง ไม่เห็นด้วย 9 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง และไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง สรุปได้ว่า
ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลบังคับใช้ทันที
“เมื่อพ้นกำหนด 120 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป”
ประเทศที่มีกฎหมายสมรสเท่าเทียม มีประเทศไหนแล้วบ้าง


สมรสเท่าเทียมไม่ใช่เพียงแค่การเรียกร้องสิทธิของ LGBTQIA+ แต่เป็นการสร้างสังคมที่เท่าเทียม ยุติธรรม และเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคน การผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมจึงเป็นก้าวสำคัญที่นำไปสู่การสร้างสังคมรูปแบบใหม่ สังคมที่เปิดกว้าง สังคมที่ยอมรับความหลากหลาย และสังคมที่ให้โอกาสทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มั่นใจ มองเห็นคุณค่าในตัวของกันและกัน ทั้งคุณและผู้อื่น
ศูนย์แปลภาษาเฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชัน บริการแปลเอกสารเพื่อจดทะเบียนสมรสแบบครบวงจร
การจดทะเบียนสมรสไม่ว่ากับชนชาติใดจะไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป ศูนย์แปลเอกสาร เฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชัน เรามีบริการรับแปลเอกสารเพื่อจดทะเบียนสมรสแบบครบวงจร เรารับแปลภาษามากกว่า 30 ภาษาทั่วโลก ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาอื่นๆ การันตีคุณภาพ โดยนักแปลผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้านการแปลมามากกว่า 13 ปี
นอกจากนี้ เรายังมีบริการรับรองเอกสาร ช่วยให้คุณดำเนินการได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ในราคามิตรภาพอีกด้วย สิ่งที่คุณต้องเตรียมมีแค่ใบรับรองโสดค่ะ และนำใบรับรองโสดไปแปลและรับรองเอกสารให้เรียบร้อย แล้วเตรียมเอกสารอื่นๆ ให้ครบถ้วนเท่านั้นค่ะ
ติดต่อศูนย์แปลเอกสารเฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชัน
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอรับบริการกับศูนย์แปลเอกสาร เฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชันได้แล้ววันนี้ที่
LINE OFFICIAL ACCOUNT: https://page.line.me/fc2009?openQrModal=true หรือ
สำนักงานใหญ่ สะพานควาย จตุจักร
อาคารภูมิเดชา ชั้น 4 ซอยประดิพัทธ์ 10 ถ.ประดิพัทธ์ เเขวง/เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
โทร. 082-3256236 , 065-3958392
https://goo.gl/maps/zUrGGGGWSrtMvjDa7
ศูนย์แปลเอกสารสาขาภูเก็ต ถ.ปฏิพัทธ์ เมืองภูเก็ต
เลขที่ 7/4 ถ.ปฏิพัทธ์ ต.ตลาตเหนือ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต 83000
โทร. 086-3669255
https://goo.gl/maps/s21JAisaAnRPvxtHA