คนที่ต้องการใช้ชีวิตอยู่อเมริกาต่างฝันถึงการได้กรีนการ์ดกันทั้งนั้น ซึ่งการได้มาของกรีนการ์ดไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะต้องเตรียมเอกสารหลายอย่าง และขั้นตอนในการขอวีซ่าก็ค่อนข้างมีความซับซ้อนและใช้เวลาในการดำเนินเรื่องนาน อีกทั้งมีเรื่องของกฎหมายที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คนที่ต้องการได้กรีนการ์ดจริงๆจึงจำเป็นต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับคนที่ต้องการกรีนการ์ด วันนี้เรามีบทความเกี่ยวกับการเตรียมเอกสารไทยแปล เพื่อใช้ยื่นกรีนการ์ด (Green Card) ประเทศอเมริกา มาฝากกัน
กรีนการ์ด (Green Card) คืออะไร?
กรีนการ์ด หรือชื่อเป็นทางการที่ว่า “บัตรผู้อยู่อาศัยถาวร” (Permanent Resident Card) เป็นเอกสารที่ทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกาออกให้บุคคลต่างชาติที่เข้ามาอาศัย หรือทำงานอย่างถูกกฎหมายโดยไม่ต้องขอวีซ่า แต่คนที่มีบัตรนี้ยังไม่ถึงขั้นเป็นพลเมืองของอเมริกา ทั้งนี้สามารถยื่นขอเป็นพลเมืองของอเมริกาได้ในภายหลัง จะว่าไปบัตรนี้ก็เหมือนกับเป็นบัตรประจำตัวประชาชนสำหรับชาวต่างชาติที่อยู่ในสหรัฐอเมริกานั่นเอง
ในอดีตบัตรผู้อยู่อาศัยถาวรเป็นบัตรที่มีสีเขียวอ่อน คนเลยเรียกกันว่ากรีนการ์ด แต่สีของบัตรก็ได้เปลี่ยนไปตามยุคสมัยและรุ่นของบัตร จนปัจจุบันนี้กรีนการ์ดส่วนใหญ่จะใช้สีชมพู คนก็ยังติดปากเรียกกรีนการ์ดเหมือนเดิม
โดยหลักๆแล้วกรีนการ์ดมีอยู่ทั้งหมด 2 ประเภท ด้วยกัน ดังนี้
1. กรีนการ์ดแบบมีเงื่อนไข (Conditional Green Card)
กรีนการ์ดแบบมีเงื่อนไขมีอายุ 2 ปี โดยผู้ที่จะได้รับกรีนการ์ดประเภทนี้ คือคนที่แต่งงานกับพลเมืองของอเมริกา หรือผู้ที่ได้รับสิทธิลงทุนเพื่อการสร้างงานในอเมริกา ทั้งนี้ผู้ที่ได้รับกรีนการ์ดประเภทนี้สามารถยื่นเรื่องขอเปลี่ยนเป็นกรีนการ์ดแบบถาวรในภายหลังได้ โดยต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าชีวิตหลังการแต่งงานยังมีความสุข หรือการลงทุนยังคงดำเนินต่อไปได้ภายหลังจาก 2 ปี
2. กรีนการ์ดแบบถาวร (Permanent Green Card)
กรีนการ์ดแบบถาวรมีอายุ 10 ปี และมีการต่ออายุทุกๆ 10 ปี โดยผู้ที่จะได้รับกรีนการ์ดประเภทนี้จะได้รับจากการผ่านเกณฑ์ต่างๆที่กำหนด และได้สิทธิประโยชน์เหมือนพลเมืองอเมริกาทั่วไป
ใครบ้างมีสิทธิ์ได้รับกรีนการ์ด?
- ผู้ที่แต่งงานกับพลเรือนอเมริกัน หรือขอตั้งถิ่นฐานผ่านสายสัมพันธ์ทางครอบครัว
ซึ่งคนที่มีสิทธิ์ได้รับกรีนการ์ดต้องเป็นญาติที่มีสายสัมพันธ์กันโดยตรง เช่น คู่สมรส, ลูก (ยังไม่ได้แต่งงาน และมีอายุต่ำกว่า 21 ปี), พ่อแม่ (สำหรับพลเมืองอเมริกันที่มีอายุมากกว่า 21 ปี) หรือพี่น้อง (สำหรับพลเมืองอเมริกันที่มีอายุมากกว่า 21 ปี)
- ผู้ที่ขอตั้งถิ่นฐานโดยผ่านการจ้างงาน โดยนายจ้างชาวอเมริกันพิจารณาจากทักษะและคุณสมบัติ ดังนี้
- EB-1 ผู้ที่มีความสามารถพิเศษในด้านวิทยาศาสตร์ ศิลปะ การศึกษา ธุรกิจ หรือกรีฑา หรือเป็นศาสตราจารย์ นักวิจัย หรือผู้บริหารข้ามชาติที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
- EB-2 ผู้เชี่ยวชาญที่มีวุฒิการศึกษาขั้นสูง หรือมีความสามารถพิเศษ
- EB-3 แรงงานที่มีทักษะ ผู้เชี่ยวชาญ และคนงานอื่นๆ ที่ปฏิบัติงานซึ่งพนักงานที่มีคุณสมบัติไม่มีอยู่ในสหรัฐอเมริกา
- EB-4 ผู้ย้ายถิ่นพิเศษ รวมถึงคนงานทางศาสนา และพนักงานของสถานบริการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา
- ผู้ที่ขอตั้งถิ่นฐานโดยผ่านการลงทุน
โดยหลักการคือ นักลงทุนจะต้องลงทุนเงินจำนวนหนึ่งในโครงการที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อสร้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจในอเมริกา
- ผู้ที่ขอตั้งถิ่นฐานผ่านการเสี่ยงโชค
ซึ่งทางการอเมริกาจะทำโครงการขึ้นมา เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้คนทั่วโลกสมัครเข้ามาเพื่อศึกษาต่อ ทำงาน หรือมาตั้งถิ่นฐานที่อเมริกา โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความหลากหลายทางประชากร
มีเอกสารอะไรบ้างที่ต้องใช้ยื่นขอกรีนการ์ด?
การยื่นขอกรีนการ์ดใช้เอกสารหลายอย่าง และจะใช้เอกสารอะไรบ้างนั้นขึ้นอยู่กับวิธีการขอวีซ่า ซึ่งเอกสารหลักๆจะมี ดังนี้
- ใบสูติบัตร (Birth Certificate)
- ใบทะเบียนสมรส (Marriage Certificate)
- ทะเบียนหย่า (Divorce Certificate)
- เอกสารทางการศึกษา (Education Certificate)
- หนังสือรับรองความประพฤติ (CID)
- ใบรับรองทางการเเพทย์ (Medical Report)
ซึ่งเอกสารทั้งหมดนี้ต้องทำการแปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษก่อน โดยการแปลนั้นจะต้องถูกต้องและเป็นทางการ และผ่านการรับรองกระทรวงการต่างประเทศของไทย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองอเมริกา USCIS (United States Citizenship and Immigration Services) สามารถพิจารณาเอกสารได้อย่างถูกต้อง
การเตรียมเอกสารสำหรับยื่นขอกรีนการ์ด
การเตรียมเอกสารสำหรับยื่นขอกรีนการ์ด (Green Card) ในสหรัฐอเมริกาต้องมีความละเอียดและการตรวจสอบก่อนยื่นเอกสาร เพื่อให้ขั้นตอนการดำเนินไปได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ขั้นตอนและรายการเอกสารที่สำคัญที่คุณควรเตรียมเบื้องต้น
1. เอกสารส่วนตัว
- สำเนาหนังสือเดินทาง: ต้องมีอายุการใช้งานที่เหลืออยู่และเป็นปัจจุบัน
- ใบสูติบัตร (Birth Certificate): แปลเป็นภาษาอังกฤษและต้องได้รับการรับรองการแปล (Certified Translation)
- ใบทะเบียนสมรสหรือใบหย่า (หากเกี่ยวข้อง): หากคุณขอผ่านคู่สมรสหรือยืนยันสถานภาพ
- หนังสือรับรองการเปลี่ยนชื่อ (หากมี): หากมีการเปลี่ยนแปลงชื่อในเอกสารก่อนหน้า
2. หลักฐานการสนับสนุนทางการเงิน (Form I-864: Affidavit of Support)
- ผู้สนับสนุนทางการเงินจะต้องยื่นแบบฟอร์ม I-864 เพื่อยืนยันว่าผู้ยื่นขอจะไม่เป็นภาระทางการเงินแก่รัฐ.
- เอกสารที่เกี่ยวข้องได้แก่:
- รายการเงินเดือน (Pay Stubs)
- สำเนาการยื่นภาษี (Tax Returns)
- ใบรับรองรายได้จากนายจ้าง
3. หลักฐานการพำนักอยู่ในสหรัฐฯ อย่างถูกกฎหมาย
- หลักฐานการเดินทางหรือการอยู่ในสหรัฐฯ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เช่น วีซ่า, I-94
4. หลักฐานการทำงานหรือการศึกษา
- หากคุณขอกรีนการ์ดผ่านการจ้างงาน ต้องมีหนังสือรับรองจากนายจ้างหรือหลักฐานการจ้างงานอื่นๆ
5. ใบรับรองการตรวจสุขภาพ (Form I-693: Medical Examination Report)
- ผู้ขอจะต้องผ่านการตรวจสุขภาพจากแพทย์ที่ได้รับอนุญาตจาก USCIS เพื่อยืนยันว่ามีสุขภาพที่เหมาะสมในการพำนักในสหรัฐฯ
6. ใบรับรองการแปลเอกสาร (Certified Translation)
- สำหรับเอกสารใดๆ ที่ไม่ได้เป็นภาษาอังกฤษ เช่น ใบสูติบัตร ทะเบียนสมรส จะต้องได้รับการแปลและรับรองความถูกต้องเอกสารแปล
7. ภาพถ่ายตามข้อกำหนดของ USCIS
- ผู้ขอต้องแนบภาพถ่าย 2 ใบที่ตรงตามข้อกำหนดของ USCIS (เช่น ขนาด 2×2 นิ้ว)
8. ค่าธรรมเนียม
- เตรียมชำระค่าธรรมเนียมการดำเนินการ ซึ่งจำนวนจะแตกต่างกันไปตามประเภทของการขอ
9. หลักฐานเพิ่มเติม (ขึ้นอยู่กับกรณี)
ขั้นตอนแปลเอกสารและรับรองเอกสารอย่างถูกต้อง
1. ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร
ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารที่ต้องการนำไปยื่นกรีนการ์ด ว่าเอกสารที่เตรียมนั้นถูกต้องและครบถ้วนตามที่หน่วยงานกำหนดหรือไม่ อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่าเอกสารทุกฉบับยังไม่หมดอายุการใช้งาน เพราะหากเอกสารมีข้อผิดพลาดหรือขาดหายไป อาจทำให้ขั้นตอนในการยื่นขอกรีนการ์ดล่าช้าออกไปได้
2. แปลเอกสาร
หากเอกสารที่ต้องการยื่นขอกรีนการ์ดเป็นภาษาไทย ต้องนำเอกสารไปแปลเป็นภาษาอังกฤษก่อน ซึ่งการแปลนั้นจะแปลเองก็ได้ แต่การใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญในด้านการแปลเอกสารน่าจะดีกว่า เพราะจะได้การแปลที่ถูกต้อง รวมถึงให้เขารับรองเอกสารให้เลยว่าเอกสารที่แปลตรงกับเอกสารต้นฉบับ เพื่อความสะดวกของเรา อีกทั้งการใช้นักแปลที่มีความเชี่ยวชาญยังเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเอกสารต่างๆของเราด้วย
3. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน
เมื่อได้เอกสารที่แปลเป็นภาษาอังกฤษเรียบร้อยแล้ว ให้ทำการตรวจทานความถูกต้อง และจัดเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนเพื่อทำการยื่นขอกรีนการ์ด ทั้งนี้เพื่อความสะดวกและความรวดเร็วในการดำเนินงาน
4 ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการยื่นขอกรีนการ์ด เช่น เอกสารที่ต้องใช้, ขั้นตอนการดำเนินงาน, กฎหมาย หรืออื่นๆ สามารถขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญได้ เพราะผู้เชี่ยวชาญมีความรู้และประสบการณ์ในเรื่องนี้เป็นอย่างดี การขอกรีนการ์ดของเราจะได้ถูกต้องและรวดเร็ว
เหตุผลที่ต้องจ้างศูนย์แปลเอกสารเพื่อใช้ยื่นกรีนการ์ด
- มีนักแปลมืออาชีพ
เอกสารที่ใช้ยื่นขอกรีนการ์ดนั้น ส่วนมากเป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องทางด้านกฎหมายและการแพทย์ ซึ่งการจะแปลเอกสารเหล่านี้ได้ต้องมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและมีความรู้ความสามารถในการแปลเฉพาะทางนั้นๆเป็นอย่างดี ซึ่งทางศูนย์แปลมีทีมนักแปลมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญสาขาเหล่านี้ และสามารถแปลออกมาได้ถูกต้องตามหลักภาษา และบริบท งานแปลเอกสารที่ได้จึงมีความถูกต้องและแม่นยำสูง เป็นทางการ สามารถนำไปใช้ยื่นขอกรีนการ์ดได้จริง
- สะดวก
แน่นอนว่าการใช้บริการแปลเอกสารจากศูนย์แปลย่อมสะดวกกว่าการที่เราจะต้องมานั่งแปลเอกสารเองอยู่แล้ว เพราะอาจเกิดปัญหาจากแปลคำศัพท์ หรือวลี ที่เราอาจไม่คุ้น ซึ่งเกิดการแปลผิด จนความหมายผิดเพี้ยน และทำให้เอกสารใช้งานไม่ได้
- แปลเอกสารพร้อมรับรอง
ศูนย์แปลไม่เพียงแต่มีบริการแปลเอกสารเท่านั้น ยังมีบริการรับรองเอกสารให้ด้วย ซึ่งการรับรองเอกสารนั้นเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากในการยื่นขอกรีนการ์ด เป็นการยืนยันว่าเอกสารฉบับแปลนั้นตรงกับเอกสารต้นฉบับทุกประการ และมีการแปลโดยผู้ที่มีความรู้ความสามารถ
- มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา
ทางศูนย์แปลมีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาเรื่องการยื่นขอกรีนการ์ดให้กับคุณ พวกเขามีความรู้และประสบการณ์ในด้านนี้มาหลายสิบปี ผู้เชี่ยวชาญจะบอกให้รู้ว่าต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง และแนะนำขั้นตอนต่างๆในการยื่นขอกรีนการ์ด รวมถึงหากเกิดปัญหาหรืออุปสรรคใดๆ ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยคุณแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้
บทความเเนะนำ
- ศูนย์แปลเอกสาร กรมการกงสุล: ครบเครื่องเรื่องแปลเอกสาร
- รับรองกงสุล ภาษาอังกฤษ ได้ที่ไหน งานเร็ว เชื่อถือได้
- แปลเอกสารราชการและรับรองกงสุล สถานทูตในไทย เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
🌎 ศูนย์แปลเอกสารเฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชัน
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอรับบริการกับศูนย์แปลเอกสาร เฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชันได้แล้ววันนี้ที่ LINE OFFICIAL ACCOUNT: https://page.line.me/fc2009?openQrModal=true หรือ
สำนักงานใหญ่ สะพานควาย จตุจักร
อาคารภูมิเดชา ชั้น 4 ซอยประดิพัทธ์ 10 ถ.ประดิพัทธ์ เเขวง/เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
โทร. 082-3256236 , 065-3958392
https://goo.gl/maps/zUrGGGGWSrtMvjDa7
สาขาภูเก็ต ถ.ปฏิพัทธ์ เมืองภูเก็ต
เลขที่ 7/4 ถ.ปฏิพัทธ์ ต.ตลาตเหนือ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต 83000
โทร. 086-3669255
https://goo.gl/maps/s21JAisaAnRPvxtHA