สำหรับคนที่ต้องการกรีนการ์ดเพื่อให้ได้อยู่อาศัยในประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างถูกกฎหมาย รวมถึงการได้ทำงาน และได้สิทธิเหมือนเป็นพลเมืองของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีวิธีแปลและขั้นตอนการรับรองเอกสาร สำหรับเอกสาร ที่ต้องแปลเพื่อใช้ยื่นขอกรีนการ์ด (Green card) บทความนี้เราได้รวบรวมข้อมูลโดยละเอียดให้คุณได้เข้าใจ และ เตรียมตัวสำหรับการยื่นขอกรีนการ์ด (Green card)
ทำความรู้จักกรีนการ์ด
กรีนการ์ดเป็นเอกสารที่ทางรัฐบาลอเมริกาออกให้กับบุคคลต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้อยู่อาศัย หรือทำงานในอเมริกาอย่างถูกต้อง จะว่าไปกรีนการ์ดก็คล้ายกับบัตรประจำตัวประชาชน เพียงแต่เป็นของคนที่ไม่ได้ถือสัญชาติอเมริกันนั่นเอง ซึ่งกรีนการ์ดแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. กรีนการ์ดแบบมีเงื่อนไข (Conditional Green Card) มีอายุ 2 ปี
โดยผู้ที่จะได้รับกรีนการ์ดประเภทนี้ คือคนที่แต่งงานกับพลเมืองของอเมริกา หรือผู้ที่ได้รับสิทธิลงทุนเพื่อการสร้างงานในอเมริกา ทั้งนี้ผู้ที่ได้รับกรีนการ์ดประเภทนี้สามารถยื่นเรื่องขอเปลี่ยนเป็นกรีนการ์ดแบบถาวรในภายหลังได้ โดยต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าชีวิตหลังการแต่งงานยังมีความสุข หรือการลงทุนยังคงดำเนินต่อไปได้ภายหลังจาก 2 ปี โดยไม่ทำผิดกฎหมาย
2. กรีนการ์ดแบบถาวร (Permanent Green Card) มีอายุ 10 ปี และมีการต่ออายุทุกๆ 10 ปี
ทั้งกรีนการ์ดแบบมีเงื่อนไขและกรีนการ์ดแบบถาวร ต่างมีสิทธิในหน้าที่และความรับผิดชอบเหมือนกัน จะต่างกันตรงช่วงเวลา คือ กรีนการ์ดแบบมีเงื่อนไข เมื่อหมดเวลา 2 ปี ต้องยื่นเรื่องเพื่อเปลี่ยนเป็นกรีนการ์ดแบบถาวร 10 ปี
คนไทยส่วนใหญ่มักจะยื่นขอกรีนการ์ดโดยการแต่งงานกับพลเมืองอเมริกัน แต่ก็มีสิทธิ์ถูกถอนสิทธิ์ได้ หากตรวจสอบพบว่าไม่ได้แต่งงานเพราะความรัก แต่แต่งงานเพราะต้องการกรีนการ์ดเท่านั้น นอกจากนี้ทางรัฐบาลอเมริกันยังให้สิทธิ์กรีนการ์ดกับผู้ที่ขอตั้งถิ่นฐานโดยผ่านการจ้างงาน, ผู้ที่ขอตั้งถิ่นฐานโดยผ่านการลงทุน และผู้ที่ขอตั้งถิ่นฐานผ่านการเสี่ยงโชคด้วย
การขอกรีนการ์ดต้องใช้เอกสารมากและมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก เนื่องจากเป็นการขอสิทธิ์ในการพำนักอาศัยถาวรในอเมริกา ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่สำคัญ ดังนั้นทางการจึงต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด โดยเฉพาะเรื่องเอกสาร เอกสารทุกฉบับหากเป็นภาษาไทยต้องมีทำการแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วย ซึ่งอาจต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษา เพื่อความถูกต้อง และมีการรับรองคำแปล เพื่อยืนยันว่าเอกสารฉบับแปลนั้นตรงกับเอกสารต้นฉบับทุกประการ
ขั้นตอนการแปลเอกสารยื่นขอกรีนการ์ด
การเตรียมเอกสารสำหรับยื่นขอกรีนการ์ด (Green Card) ในสหรัฐอเมริกาต้องมีความละเอียดและการตรวจสอบก่อนยื่นเอกสาร เพื่อให้ขั้นตอนการดำเนินไปได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ขั้นตอนและรายการเอกสารที่สำคัญที่คุณควรเตรียมเบื้องต้น
1. เอกสารส่วนตัว
- สำเนาหนังสือเดินทาง: ต้องมีอายุการใช้งานที่เหลืออยู่และเป็นปัจจุบัน
- ใบสูติบัตร (Birth Certificate): แปลเป็นภาษาอังกฤษและต้องได้รับการรับรองการแปล (Certified Translation)
- ใบทะเบียนสมรสหรือใบหย่า (หากเกี่ยวข้อง): หากคุณขอผ่านคู่สมรสหรือยืนยันสถานภาพ
- หนังสือรับรองการเปลี่ยนชื่อ (หากมี): หากมีการเปลี่ยนแปลงชื่อในเอกสารก่อนหน้า
2. หลักฐานการสนับสนุนทางการเงิน (Form I-864: Affidavit of Support)
- ผู้สนับสนุนทางการเงินจะต้องยื่นแบบฟอร์ม I-864 เพื่อยืนยันว่าผู้ยื่นขอจะไม่เป็นภาระทางการเงินแก่รัฐ.
- เอกสารที่เกี่ยวข้องได้แก่:
- รายการเงินเดือน (Pay Stubs)
- สำเนาการยื่นภาษี (Tax Returns)
- ใบรับรองรายได้จากนายจ้าง
3. หลักฐานการพำนักอยู่ในสหรัฐฯ อย่างถูกกฎหมาย
- หลักฐานการเดินทางหรือการอยู่ในสหรัฐฯ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เช่น วีซ่า, I-94
4. หลักฐานการทำงานหรือการศึกษา
- หากคุณขอกรีนการ์ดผ่านการจ้างงาน ต้องมีหนังสือรับรองจากนายจ้างหรือหลักฐานการจ้างงานอื่นๆ
5. ใบรับรองการตรวจสุขภาพ (Form I-693: Medical Examination Report)
- ผู้ขอจะต้องผ่านการตรวจสุขภาพจากแพทย์ที่ได้รับอนุญาตจาก USCIS เพื่อยืนยันว่ามีสุขภาพที่เหมาะสมในการพำนักในสหรัฐฯ
6. ใบรับรองการแปลเอกสาร (Certified Translation)
- สำหรับเอกสารใดๆ ที่ไม่ได้เป็นภาษาอังกฤษ เช่น ใบสูติบัตร ทะเบียนสมรส จะต้องได้รับการแปลและรับรองความถูกต้องเอกสารแปล
7. ภาพถ่ายตามข้อกำหนดของ USCIS
- ผู้ขอต้องแนบภาพถ่าย 2 ใบที่ตรงตามข้อกำหนดของ USCIS (เช่น ขนาด 2×2 นิ้ว)
8. ค่าธรรมเนียม
- เตรียมชำระค่าธรรมเนียมการดำเนินการ ซึ่งจำนวนจะแตกต่างกันไปตามประเภทของการขอ
9. หลักฐานเพิ่มเติม (ขึ้นอยู่กับกรณี)
ขั้นตอนการรับรองเอกสารยื่นขอกรีนการ์ด
1. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน
เตรียมเอกสารที่ต้องการรับรองให้ครบถ้วน ทั้งเอกสารต้นฉบับ เอกสารงานแปล เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการดำเนินงานหลายครั้ง เตรียมความพร้อมตั้งแต่แรก ดีที่สุด
2. หาหน่วยงานรับรองเอกสาร
การหาหน่วยงานรับรองเอกสารนั้นสำคัญมาก เพราะเป็นขั้นตอนที่จำเป็นในการนำเอกสารไปใช้ในต่างประเทศ ดังนั้นควรเลือกหน่วยงานที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาล หรือหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือในการรับรองเอกสารแปล เช่น กรมการกงสุล สถานทูต หรือสำนักงานรับรองเอกสาร
3. ชำระค่าธรรมเนียม
การรับรองเอกสารมีอัตราค่าธรรมเนียมแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ประเภทของเอกสาร, จำนวนหน้าของเอกสารที่ต้องการรับรอง และความเร่งด่วน ซึ่งค่าธรรมเนียมนี้สามารถชำระได้หลายช่องทาง เช่น ชำระเป็นเงินสด, ชำระผ่านบัตรเครดิต/บัตรเดบิต หรือชำระผ่านช่องทางออนไลน์ เมื่อชำระค่าธรรมเนียมแล้ว ควรเก็บใบเสร็จรับเงินไว้เป็นหลักฐานด้วย
ศูนย์แปลเฟิสท์ชอยซ์ให้บริการแปลและรับรองเอกสาร ครบวงจร
ศูนย์แปลเฟิสท์ชอยซ์ให้บริการแปลและรับรองเอกสารโดยผู้เชี่ยวชาญอย่างครบวงจร โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาไปดำเนินการแต่ละเรื่องให้เสียเวลา ทางศูนย์มีทีมนักแปลมืออาชีพ ที่จบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ บวกกับประสบการณ์ในด้านงานแปลมาหลายสิบปี สามารถแปลงานเอกสารราชการ หรืองานอื่นๆ ได้มากกว่า 30 ภาษาทั่วโลก พร้อมรับรองเอกสารงานแปลให้ด้วย มั่นใจได้ถึงคุณภาพงาน วางใจให้เราได้ดูแล กับศูนย์แปลเอกสาร เฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชัน
บทความเเนะนำ
- เอกสารประเภทไหนต้องแปลก่อน ถึงยื่นรับรองกงสุลได้
- รับรองกงสุลภาษาอังกฤษ ใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง
- คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับรับรองเอกสารภาษาอังกฤษ
🌎 ศูนย์แปลเอกสารเฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชัน
ติดต่อศูนย์แปลเอกสารเฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชัน
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอรับบริการกับศูนย์แปลเอกสาร เฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชันได้แล้ววันนี้ที่
LINE OFFICIAL ACCOUNT: https://page.line.me/fc2009?openQrModal=true หรือ
สำนักงานใหญ่ สะพานควาย จตุจักร
อาคารภูมิเดชา ชั้น 4 ซอยประดิพัทธ์ 10 ถ.ประดิพัทธ์ เเขวง/เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
โทร. 082-3256236 , 065-3958392
https://goo.gl/maps/zUrGGGGWSrtMvjDa7
ศูนย์แปลเอกสารสาขาภูเก็ต ถ.ปฏิพัทธ์ เมืองภูเก็ต
เลขที่ 7/4 ถ.ปฏิพัทธ์ ต.ตลาตเหนือ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต 83000
โทร. 086-3669255
https://goo.gl/maps/s21JAisaAnRPvxtHA